การท�?SEO ที่มีแนวทางมุ่งเน้นไปที่การปรับแต่งเว็บไซต์ให้สอดคล้องกับความเข้าใจของ Search Engine เกี่ยวกับเนื้อหาและบริบทของเว็บไซต�?ผ่านการสร้างคอนเทนต์คุณภาพที่ต้องมอบประโยชน์และคุณค่าให้กับผู้ใช้ง��นได้เข้าใจเนื้อหาได้จริ�?แทนที่จะใช้การสร้างคอนเทนต์ที่ใส่คีย์เวิร์ดแบบเดิ�?�?ซ้�?�?เพื่อให�?Google Bot เข้าใจแต่เพียงอย่างเดียว

โดยเป้าหมายหลักของ Semantic SEO คื�?การทำให้ผู้ใช้งา�?(รวมถึงตั�?Google เอง) เข้าใจเนื้อหาบนเว็บไซต์ของคุณได้อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น ช่วยให้เว็บไซต์ของคุณมีอันดับที่ดีขึ้นในหน้าผลการค้นหา (SERPs)

Google Algorithm อยู่เสม�?เพื่อเข้าใจความหมายของเนื้อหาบนเว็บไซต์ได้ละเอียดและแม่นยำมากยิ่งขึ้น

การเข้ามาของ Generative AI ต่าง �?: ปัจจุบันมี Generative AI หลายตัวเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการค้นหาข้อมูลเช่�?ChatGPT, Gemini ฯล�?ที่ใช้ข้อมูลจา�?Search Engine มาเป็นตัวกลางในการแสดงผลข้อมู�?ทำให�?Google ต้องพิจารณาเลือกเว็บไซต์ที่มีคอนเทนต์ที่มีคุณภาพที่สุ�?nbsp;

ผู้ใช้ค้นหาข้อมูลด้วยวิธีที่ซับซ้อนขึ้�?: ผู้ใช้ค้นหาข้อมูลด้วยประโยคที่ยาวขึ้นและมีความซับซ้อนมากขึ้น เริ่มมีการเสิร์จด้วยประโยคคำถาม 

การแข่งขันใน SERPs สูงขึ้�?: ปัจจุบันเว็บไซต์เกือบทุกธุรกิจมีจำนวนมากขึ้นเรื่อ�?�?กำลังแข่งขันในการท�?SEO อยู่ตลอดเวล�?เพื่อแย่งอันดับที่ดีที่สุ�?หรืออันดับ 1 ในหน้าผลการค้นหา จึงทำให้ Semantic SEO มีความสำคัญหากคุณต้องการพาเว็บไซต์ไปอยู่ในตำแหน่งที่ดีที่สุ�?/li> ซึ่งการท�?Semantic SEO นั้นจะสามารถช่วยให้เว็บไซต์ของคุ�?มีอันดับที่ดีขึ้นในหน้าผลการค้นห�?SERPs) ได้อย่างยั่งยื�?ซึ่งแน่นอนว่าจะช่วยให้ธุรกิจของคุณได้รับ Traffic มากขึ้�?จากการที่ผู้ใช้จะคลิกเข้าชมเว็บไซต์ที่อยู่ในอันดับต้�?�?ของหน้�?SERPs ก่อนเสม�?รวมถึงทำให้เว็บไซต์ม�?Conversion Rate ที่สูงขึ้น ซึ่งเป็�?Metrics ที่จะช่วยเพิ่มยอดขายและรายได้ให้ธุรกิจของคุณได้นั้นเอง

Semantic SEO กั�?LSI Keywords ต่างกันไหม ?

ถ้าอธิบายแบบเข้าใจง่ายที่สุ�?ความแตกต่างของ Semantic SEO กั�?LSI Keywords จะมีความแตกต่างกันตรงที่การท�?Semantic SEO นั้นจะมุ่งเน้นไปที่การทำให้ผู้ใช้งานและ Google เข้าใจเนื้อหาบนเว็บไซต์ของคุณได้อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น ครอบคลุมทุกความต้องการของผู้ใช้งานที่กำลังค้นหาอะไรบางอย่า�?ซึ่งเป็�?‘กลยุทธ์ในการท�?SEO�?nbsp;

แต�?LSI Keywords หรือ Latent Semantic Indexing Keywords เป็�?‘เทคนิค�?ในการท�?Keyword Research ที่ช่วยให้ Search Engine เข้าใจความหมายของเนื้อหาบนเว็บไซต์ของคุณได้ดีขึ้น ซึ่งต้องทำควบคู่กับการทำ Semantic SEO ยกตัวอย่างเช่�?หา�?Keyword หลักที่คุณต้องการทำอันดับคือคำว่�?“รองเท้าวิ่�?#8221; ก็ต้องมีการเพิ่ม LSI Keywords ไปยังหน้าบทความหรือเพจต่าง �?ของเว็บไซต์คุณด้วยเช่�?“รองเท้าออกกำลังกาย”, “รองเท้าเทรนนิ่�?#8221;, “รองเท้าสำหรับนักวิ่ง” ฯล�?เพื่อช่วยดันให้ Keyword หลักสามารถทำอันดับได้อย่างรวดเร็วขึ้นนั้นเอง

Semantic SEO ช่วยทำให้อันดั�?SEO ดีขึ้นได้อย่างไร ?

การท�?Semantic SEO ช่วยทำให้อันดั�?SEO ดีขึ้นได้หลายวิธ�?ดังนี้

วิธีการท�?Semantic SEO ให้อันดับสูงขึ้น มีอะไรบ้าง ? 

On Page SEO ที่จะกระจา�?LSI Keyword แล้วแยกออกมาเป็�?Topic Content ย่อย ๆในบทควา�?แต่ละหัวข้อย่อยควรเกี่ยวข้องกับคีย์เวิร์ดหลั�?แล้วใช้หน้�?Pillar Page ในการเชื่อมโยง Internal Link ของบทความย่อยต่า�?�?เข้าด้วยกัน

เช่นKeyword หลักที่คุณต้องการทำอันดับคือคำว่�?“รองเท้าวิ่�?#8221; ก็ต้องมีการเพิ่ม LSI Keywords ไปยังหน้าบทความกระจายเป็�?Cluster บนเว็บไซต�?ตัวอย่าง Topic บทความเช่�?“รองเท้าออกกำลังกาย ควรเลือกแบบไหนบ้าง”, “รองเท้าเทรนนิ่�?คืออะไ�?#8221;, “รองเท้าสำหรับนักวิ่ง ดีอย่างไ�?#8221; แล้วใช้หน้�?Pillar Page เป็นบทความที่รวมทุกลิงก์ที่คุณสร้างโดยใช้ Keyword หลัก ตัวอย่างบทความเช่�?‘รองเท้าวิ่�?มีแบบไหนบ้าง รวมทุกสิ่งที่คุณต้องรู้ก่อนซื้อรองเท้าวิ่ง�?เป็นต้น

เขียนบทความ SEO ในปัจจุบันอีกด้ว�?โดยในการทำบทความลงในเว็บไซต์นั้�?ควรต้องเพิ่มเนื้อหาที่ให้ข้อมูลและครอบคลุมทุกแง่มุมของหัวข้�?มีการอธิบายเนื้อหาอย่างละเอียด ทำให้คอนเทนต์มีคุณค่าในมุมมองผู้ใช้งานให้ได้มากที่สุด  และควรใส่อ้างอิงจากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ด้วย ซึ่งการเขียนคอนเทนต์ให้มีเนื้อหาที่ละเอียดนั้น Google จะมองว่าเว็บไซต์ของคุณม�?EEAT Factors ครบถ้ว�?และจะช่วยให้อันดับการค้นหาที่ดีขึ้นได้

4. เพิ่มคำถามที่พบบ่อยของคีย์เวิร์ดหลักที่ใช�?/h3>

ในการสร้างบทความลงในเว็บไซต์นั้นด้วยความที่ปัจจุบันเรื่องของ Search Intent เข้ามามีบทบาทต่อการค้นหาข้อมูลใ�?Google ของผู้ใช้งานมากขึ้�?ผู้ใช้ Google แต่ละคนจะชอบพิมพ์ประโยคคำถาม เพื่อถา�?Google ในเรื่องต่า�?�?ที่พวกเขาสงสั�?ดังนั้นการสร้างบทความควรมี Section ที่เป็นการเล่าเรื่องแบบ FAQ หรือ Q&A เพื่อตอบคำถามที่ผู้ใช้มักค้นหาเพิ่มลงไปด้วย  (ซึ่งต้องเป็นประโยคคำถามที่ม�?Search Volume) และอย่าลืมเขียนคำถามและคำตอบให้เข้าใจง่ายที่สุ�?/p> ตัวอย่างเช่�?หากบทความของคุณคือเรื่อ�?‘รีจูรัน คืออะไ�?�?โดยม�?Keyword หลักเป็นคำว่า ‘รีจูรัน�?ในคอนเทนต์นั้นก็ควรม�?Section Q&A โดยใช้ Keyword ประโยคคำถามที่มี Search Volume เช่�?รีจูรั�?ดีไห�? รีจูรั�?เจ็บไหม, รีจูรั�?ช่วยอะไร, รีจูรั�?ราคาเท่าไ�?เพิ่มลงไปในบทความด้วย 

6. เพิ่ม Structured Data

ในข้อนี้จะเป็นเรื่องของการท�?Technical SEO หลังบ้านเพื่อช่วยให�?Google Bot สามารถเข้าใ�?Site Structure บนเว็บไซต์ของคุณได้ดีมากยิ่งขึ้�?โดยคุณอาจจะลองเพิ่มการท�?Schema Markup ที่เป็นโค้ดพิเศษที่ช่วยให้ Search Engine เข้าใจเนื้อหาบนเว็บไซต์ของคุณได้ดีขึ้น เปรียบเสมือนการติดป้ายกำกับบนเนื้อหา บอ�?Search Engine ว่าเนื้อหาแต่ละส่วนคืออะไร ก็จะยิ่งช่วยให้การทำ SEO ของคุณประสบผลสำเร็จได้ดีมากยิ่งขึ้�?/p>

Off Page SEO, Keyword Reseach, การสร้างคอนเทนต์คุณภาพสูงเผยแพร่ลงในเว็บไซต์อย่างสม่ำเสม�?และต้องติดตามผลลัพธ์และปรับกลยุทธ์ SEO ของคุณอยู่เสม�?/p> แต่ถ้าคุณได้ทำตามเทคนิคการทำ Semantic SEO ที่เราแนะนำไ�?อย่างน้อยก็รับประกันได้เลยว่�?Performance ในการท�?SEO ของเว็บไซต์คุณจะมีตัวเลขที่เติบโตขึ้นแน่นอ�?nbsp;

The post Semantic SEO คืออะไ�? รู้จักเทคนิคที่จะช่วยเพิ่มอันดับเว็บไซต์ให้สูง���ึ้นในป�?2024 appeared first on urtarrilak12.com.

]]> //urtarrilak12.com/international-���������Ż�/ Mon, 11 Mar 2024 08:30:50 +0000 //urtarrilak12.com/?p=40134 The post International SEO คืออะไ�? เผยทุกขั้นตอนการท�?SEO สำหรับการทำธุรกิจที่ต้องการลูกค้าจากต่างประเทศ appeared first on urtarrilak12.com.

]]>

ในปัจจุบันการท�?International SEO คือหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนธุรกิจออนไลน์ให้เติบโ�?เปรียบเสมือนกุญแจสำคัญที่ช่วยปลดล็อกประตูสู่โอกาสอันยิ่งใหญ่บนเวทีโลก ลองจินตนาการว่าจะดีแค่ไหนถ้าเว็บไซต์ของคุณปรากฏบนหน้าแรกของ Google ในภาษาต่าง �?ที่ช่วยดึงดู�?Traffic จากลูกค้าได้ทั่วทุกมุมโลกเปลี่ยนผู้เข้าชมเว็บไซต์ให้เป็นลูกค้าและขยายฐานธุรกิจของคุณอย่างไร้ขีดจำกัดเรื่องพรมแดน  �?/p> บทความนี�?Nerd Optimize เลยขอมาอธิบายให้ทุกคนได้เข้าใจถึงหลักการทำงานขอ�?International SEO ว่าคืออะไร มีความสำคัญอย่างไรบ้าง แล้วทำไม การท�?SEO ให้เติบโตในต่างประเทศถึงต้องโฟกัสเรื่องนี้เป็นพิเศษ

On Page SEO แล�?Off Page SEO เพื่อให้เข้าถึงผู้ใช้และเครื่องมือค้นหาในตลาดต่างประเทศ เป้าหมายหลักคือการเพิ่มอันดับเว็บไซต์ของคุณในผลการค้นห�?(SERPs) สำหรับ Keyword ที่เกี่ยวข้องในภาษาต่า�?�?ที่ไม่ใช่ภาษาไทย  เหมาะสำหรับการทำการตลาดออนไลน�?การตลาดเว็บไซต�?เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าต่างประเทศ

ใครบ้างที่เหมาะกับการทำ International SEO ? 

International SEO นั้นเหมาะสำหรับธุรกิจ ‘ทุกประเภท�?ที่ต้องการขยายฐานการเติบโ�?หรือต้องการเพิ่มการเข้าถึง Brand Awareness ไปยังต่างประเทศ ทั่วโล�?โดยในฝั่งของธุรกิจสามารถได้รับประโยชน์จา�?International SEO มากมาย ดังนี้

• ต้องการขยายฐานลูกค้า: เข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม�?�?ในตลาดต่างประเทศ เพิ่มโอกาสในการขายและสร้างรายได�?/li>
• มีสินค้าหรือบริการที่เหมาะกับตลาดต่างประเทศ: สินค้าหรือบริการบางประเภท มีความต้องการสูงในต่างประเทศ การท�?International SEO ช่วยให้เข้าถึงลูกค้าเป้าหมายได้ตรงจุด
• ต้องการสร้างแบรนด์ระดับสาก�? International SEO ช่วยสร้างการรับรู้แบรนด์ในระดับสาก�?เพิ่ม Visibility และสร้างความน่าเชื่อถือให้แก่กลุ่มเป้าหมายในต่างประเทศ 
• ต้องการเพิ่มความได้เปรียบในการทำธุรกิจ: การท�?International SEO นั้นช่วยสร้างความแตกต่างให้แบรนด์ของคุณโดดเด่นและเหนือกว่าคู่แข่งที่ไม่ได้ทำ International SEO ดึงดูดลูกค้าที่มีศักยภาพ และสร้างความได้เปรียบทางธุรกิจได�?/li>

โดยตัวอย่างธุรกิจที่เหมาะกับการทำ International SEO มากที่สุดนั้�?ส่วนใหญ่จะเป็นธุรกิจออนไลน์ ที่ต้องการสร้างการเติบโตให้มากกว่าแค่ในประเทศไท�?ตัวอย่างธุรกิจเช่�?/p>

• ธุรกิจ E-Commerce: การท�?E-Commerce SEO สามารถขายสินค้าไปยังลูกค้าทั่วโล�?ขยายฐานลูกค้�?และเพิ่มยอดขายจากกลุ่มลูกค้าในประเทศที่เข้าถึง Google หรือ Serach Engine ตัวอื่�?�?nbsp;
• ธุรกิจบริการ: เช่�?ธุรกิจท่องเที่ย�?ธุรกิจการศึกษา สามารถดึงดูดลูกค้าจากต่างประเทศ เพิ่มโอกาสในการทำธุรกิจ
• ธุรกิจ SaaS (Software As A Service): สามารถขยายฐานลูกค้าไปยังตลาดต่างประเทศ เพิ่มรายได้และสร้างการเติบโตได้อย่างยั่งยืน

เรื่องที่ควรรู้เมื่อทำ International SEO 

มาดูกันว่าในการจะท�?International SEO นั้นมีเทคนิคอะไรที่คุณต้องรู้ก่อนบ้าง เพื่อทำให้การทำ International SEO ของธุรกิจคุณประสบผลสำเร็จและมีประสิทธิภาพมากที่สุด 

โครงสร้างของ URL Structures สำหรับ International Sites

อันดับแรกของการท�?International SEO คือต้องรู้เกี่ยวกับการปรับแต่งโครงสร้าง URL Structure (แล�?Site Structure) สำหรับ International Sites หรือก็คือการทำให�?Google Bot สามารถเข้าใ�?URL ของเว็บไซต์แต่ละหน้าได้อย่างเต็�?100% ซึ่งควรใช้เป็นภาษาอังกฤษในการตั้งชื่อ URL แต่ละหน้�?ตั้งแต่ชื่�?Domain หลัก ไปจนถึ�?Subdomain, Subdirectories หรือ Country Code Top-Level Domains (ccTLDs) และใช้สิ่งที่เรียกว่�?Hreflang Tag (Hypertext Reference Language) ที่เป็นแท็�?HTML เพื่อบอ�?Google เกี่ยวกับภาษาและภูมิภาคเป้าหมายของเนื้อหา ช่วยให�?Google   แสดงผลลัพธ์การค้นหาที่ตรงกับภาษาและภูมิภาคของผู้ใช�?/p>

โดยการวางโครงสร้าง โครงสร้างของ URL Structures สำหรับ International Sites ถือว่ามีบทบาทสำคัญต่อประสิทธิภาพขอ�?International SEO ช่วยให�?Google เข้าใจภาษาและภูมิภาคเป้าหมายของเนื้อหาแต่ละหน้�?ส่งผลดีต่ออันดับใน SERP ในประเทศที่คุณต้องการเจาะกลุ่มเป้าหมา�?/p>

การปรั�?Language-target your website (or website pages)

ส่วนต่อมาคือการปรั�?Language-target your website หรือการกำหนดภาษาและภูมิภาคเป้าหมา�?  สำหรับเว็บไซต์ของคุ�?สิ่งนี้จะช่วยให้ Google Bot เข้าใจคอนเทนต์ภายในเว็บไซต์ได้ง่ายมากขึ้นและช่วยในการแสดงผลลัพธ์การค้นหาที่ตรงกับภาษาและภูมิภาคของผู้ใช้ ซึ่งในการท�?Language-targeting ให้กับเว็บไซต์นั้นสามารถทำได้หลายวิธีเช่�?การแปลเนื้อหาในหน้าเว็บไซต์ให้เป็นภาษาต่า�?�?ที่เราต้องการท�?SEO เจาะไปห�? สร้า�?sitemap แยกสำหรับภาษาต่า�?�?หรือใช�?Hreflang Tag เพิ่มแท็ก hreflang ลงใน header ของทุกหน้าเว็�?ระบุภาษาและภูมิภาคเป้าหมา�?ตัวอย่างเช่นหากคุณต้องการเจา�?Target ในประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลักในการค้นหาข้อมู�?ก็ต้องใส่Hreflang Tag ใน HTML ให้เป็นประมาณนี้ :  <link rel=”alternate” href=”//example.com/fr” hreflang=en-us/> (en-us คือภาษาอังกฤ�? 

การปรับเนื้อหาให้รองรับกับ International SEO

หลังจากที่เราได้ทำการปรับแต่งส่วนการท�?Technical SEO แล้วขั้นตอนต่อมาคือการ ปรับเนื้อหาให้รองรับกับ International SEO ซึ่งไม่มีอะไรซับซ้อน แค่ให้คุณปรับคอนเทนต์ภายในเว็บไซต์ให้เป็นภาษาที่คุณต้องการเจาะตลาดเพื่อทำ SEO เพราะบางประเทศไม่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาในการค้นหาข้อมูลบ�?Google เพราะฉะนั้นต้องตรวจสอบก่อนด้วยว่าประเทศนั้น �?ใช้ภาษาอะไรเป็นภาษาในการสื่อสา�?หรือการค้นหาข้อมูล โดยในส่วนนี้คุณสามารถท�?Keyword Research โดยการใช�?SEO Tools ต่าง �?เป็นตัวช่วยในการค้นหา Keyword Search Volume ได้เลย

ทำระบบ Content Delivery Network (CDN)

การทำระบ�?Content Delivery Network (CDN) ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญต่อการท�?International SEO อธิบายให้เข้าใจก่อนว่า Content Delivery Network (CDN) เป็นเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ที่กระจายอยู่ทั่วโลก ทำหน้าที่จัดเก็บและส่งมอบเนื้อหาเว็บไซต�?เช่�?ไฟล์ HTML, CSS, JavaScript, รูปภาพ, วิดีโอ ฯล�?  ไปยังผู้ใช้งานเว็บไซต�?nbsp; ยกตัวอย่างเช่นหากธุรกิจของคุณมีเว็บไซต์และจดทะเบียน Web Hosting อยู่ในประเทศไท�?เมื่อมีผู้ใช้ที่อยู่ในประเทศไทยกดเข้าเว็บไซต�?ก็จะสามารถเข้าเว็บไซต์ได้อย่างรวดเร็�?ไม่เกิดข้อผิดพลาดอะไ�?แต่ถ้าคุณเกิดอยากท�?International SEO ขึ้นมา อยากให้คนในประเทศแถวโซนยุโรปกดเข้าเว็บไซต�?จะเกิดปัญหาทันทีเพราะเว็บไซต์ที่ไม่ได้ทำระบบ Content Delivery Network (CDN) เมื่อมีคนกดเข้ามาจากประเทศอื่น เว็บจะโหลดช้า โหลดนา�?ส่งผลต่อประสบการณ์ที่ไม่ดีในการใช้งานได้  ดังนั้นการทำระบบ Content Delivery Network ไว้จะช่วยแก้ปัญหาในเรื่องนี้ได้เพราะ CDN เลือกเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ใกล้ผู้ใช้ที่สุดและจะส่งมอบเนื้อหาเว็บไซต์ไปยังผู้ใช้ได้อย่างไม่มีสะดุดแถมเว็บไซต์ที่โหลดได้เร็�?ก็จะมีอันดับที่ดีขึ้นในหน้�?SERP เรียกว่าเป็นประโยชน�?2 ต่อของการท�?SEO เลยก็ว่าได้

ขั้นตอนการทำ International SEO มีอะไรบ้าง ? 

กำหนดกลุ่มเป้าหมายดูตลาดต่างประเทศ

อันดับแรกของการท�?International SEO คือการกำหนดกลุ่มเป้าหมายดูตลาดต่างประเทศ ตั้งแต่การ วิเคราะห์คู่แข่�?ศึกษาคู่แข่งในตลาดต่างประเทศ วิเคราะห์กลยุทธ�?SEO จุดแข็�?จุดอ่อ�? เลือกตลาดเป้าหมา�?ที่ต้องเลือกตลาดประเทศที่มีศักยภาพในการเป็นลูกค้�?เหมาะกับสินค้�?บริการของธุรกิจคุณ ,วิเคราะห์กลุ่มเป้าหมา�?ศึกษาข้อมู�?พฤติกรรมการใช้ Google ขอ�?Target แต่ละประเทศ และเลือกภาษาแล�?Keyword ที่จะใช้ในการท�?SEO ไปยังประเทศตลาดเป้าหมา�?/p>

โดยคุณสามารถใช�?SEO Tools อย่า�?Ahrefs, MOZ, Ubersuggest ในการดูปริมาณการค้นหาหรื�?Search Volume ขอ�?Keyword ที่คุณต้องการว่ามีปริมาณการค้นหามากน้อยเพียงใด และอย่าลืมหากคุณใช�?SEO Tools เหล่านี้ในการทำ Keyword Research ต้องปรับ Filter แสดงผลการค้นหาของแต่ละประเทศที่เป็นเป้าหมายด้ว�?เพื่อให้ได้ตัวเลขปริมาณการค้นหาที่แม่นยำที่สุ�?/p>

ทำ Map Keyword ที่จะท�?Content ลงเว็บไซต�?/h3> การท�?Map Keyword คือการจำแนกกลุ่มขอ�?Keyword สำหรับการท�?Content ลงเว็บไซต์เพื่อให้รู้ว่าใ�?Keyword ที่คุณเลือกมาใช�?มี Secondary Keyword หรือ Relevant Keyword (Keyword ที่เกี่ยวข้อ�? เป็นคำว่าอะไรบ้าง เพื่อให้การทำ Content ลงไปยังเว็บไซต์เพื่อการท�?International SEO เห็นผลลัพธ์ได้มากที่สุด โดยเราขอแนะนำเทคนิคง่า�?�?ในการท�?Keyword Mapping ดังนี้

• ค้นห�?Keyword : ค้นหาKeywordที่เกี่ยวข้องกับสินค้า/บริการ ภาษา ตลาดเป้าหมา�?/li>
• วิเคราะห์Keyword : วิเคราะห์ Search Volume ความยากง่า�?และโอกาสการแข่งขันและทำอันดั�?/li>
• เลือก Keyword ที่ต้องการ : เลือก Keyword ที่มีศักยภาพ เหมาะกับกลุ่มเป้าหมา�?/li>
• จัดกลุ่ม Keyword : จัดกลุ่ม Keyword ตามประเภท ความยากง่า�?และความเกี่ยวข้องกับธุรกิจ

เขียนบท��วาม SEO ในเคสขอ�?International SEO ควรต้องมีการเขียนบทความให้ถูกต้องตามหลักของ EEAT Factor ที่เป็นการเขียนที่มีประโยชน์ต่อผู้อ่านและเป็นสิ่งที่ Google ให้ความสำคัญมา�?�?ในการจัดอันดับของเว็บไซต�?ซึ่งต้องเขียน Content ที่ตรงกับความต้องการ ของกลุ่มเป้าหมา�?มีการใช้ Keyword อย่างเป็นธรรมชาต�?และต้องอย่าลืมการปรับแต่�?Content ให้เหมาะกับภาษ�?วัฒนธรรม ของตลาดเป้าหมายด้ว�?/p>

ทำ Outreach Content ให้ตรงกับภาษาประเทศ

หลังจากที่เขียน Content ตามแผนที่เราวางไว้แล้ว ขั้นตอนต่อมาก็คือการทำ Outreach Content ให้ตรงกับภาษาในประเทศที่คุณต้องการท�?SEO เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์หรือแจ้งให้กลุ่มเป้าหมายในประเทศนั้น �?รับรู้ถึงการทำธุรกิจของคุณ เช่นการทำ Guest Post หรือใช้กลยุทธ์ในการท�?Backlink เผยแพร่บนเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อ�?/p>

วัดผลลัพธ์โดยจำแนกตามประเทศ

หากการทำ International SEO ของคุณ มีการเจาะกลุ่มเป้าหมายหรือมีการทำงานที่มากกว่�?1 ประเทศขึ้นไป เราแนะนำให้คุณวัดผลลัพธ์โดยจำแนกตามประเทศต่าง �?โดยใช้การติดตั้งเครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลเว็บไซต์อย่าง Google Analytics หรือ Google Search Console ที่เป็นเครื่องมือที่ให้คุณเห็�?Metrics ต่าง �?ที่สำคัญต่อการทำ SEO ที่สามารถจำแนกผ���ลัพธ์ตามประเทศ และใช้ในการวิเคราะห์ผลลัพธ�?ดูว่ากลุ่มเป้าหมายมาจากประเทศไห�?ค้นหาด้วยคีย์เวิร์ดอะไ�?จะช่วยให้คุณวางแผนการท�?SEO ให้ตรงตามความแตกต่างของแต่ละประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น 

สรุป

ขั้นตอนในการทำ International SEO เหล่านี้เป็นเพียงภาพรวมคร่า�?�?ที่เรายกมาอธิบายให้คุณเข้าใจการทำงานของกลยุทธ์นี้ ซึ่งในการท�?International SEO จริง �?ก็จะรายละเอียดจะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับสินค้�?บริการ และตลาดเป้าหมา�?/p>

แต่อย่างไรก็ตา�?International SEO นั้นก็ถือว่าเป็นกลยุทธ์สำคัญสำหรับธุรกิจที่ต้องการขยายธุรกิจไปยังตลาดต่างประเทศ สามารถช่วยให้คุณเข้าถึงผู้ใช้ใหม่ เพิ่มยอดขาย และสร้างการรับรู้แบรนด์ของคุ�?/p>

The post International SEO คืออะไ�? เผยทุกขั้นตอน��ารท�?SEO สำหรับการทำธุรกิจที่ต้องการลูกค้าจากต่างประเทศ appeared first on urtarrilak12.com.

]]> //urtarrilak12.com/what-is-���������Ż�-checklist/ Fri, 08 Mar 2024 01:30:00 +0000 //urtarrilak12.com/?p=40057 The post SEO Checklist มีอะไรบ้าง ? เพียงรู้สิ่งนี้ก็��ามารถทำเว็บไซต์ติดอันดับ 1 ได้ง่ายๆ  appeared first on urtarrilak12.com.

]]>

SEO Checklist เป็นสิ่งที่คอยเตือนเราว่าในการทำ SEO นั้นเราทำเรื่องต่า�?�?ครบแล้วหรือยัง เพราะการที่เราพลาดอะไรบางข้อไป ก็อาจส่งผลกระทบต่ออันดับ SEO ของเว็บไซต์เราได�?ไม่ว่าจะเป็นทางด้าน Technical SEO, Keyword Research, On-page SEO, Off-page SEO ดังนั้นในบทความนี้เราจะพาทุกคนไปรู้จักว่า SEO Checklist คืออะไ�? แล้ว SEO Checklist มีอะไรที่คุณควรศึกษาอ���่างละเอียดบ้าง ไ���ดูกันเลย

เขียนบทความ SEO ถูกต้องตาม Google Algorithm ต้องการหรือเปล่า

หากเราทำครบแล้�?ก็จะเป็นก้าวสำคัญที่ช่วยให้ Search Engine อย่า�?Google มองว่าเป็นเว็บไซต์ที่มีคุณภาพและมีความปลอดภัย ส่งผลให้เว็บไซต์ติดอันดับหน้าแรกตามที่ต้องการได�?/p>

Technical SEO Checklist

Technical SEO Checklist เป็�?Checklist อันดับแร�?�?ที่ไม่อยากให้ทุกคนมองข้า�?เพราะปัจจัยเหล่านี้เปรียบเสมือนเป็นตัวกลางที่ช่วยเชื่อมระหว่างเว็บไซต์ของเรากั�?Search Engine อย่า�?Google ให้มาพบกันได�?โด�?Technical SEO Checklist ที่สำคัญ มีดังนี้

1. ติดตั้�?Google Search Console

Google Search Console คื�?เครื่องมือฟรีจา�?Google ที่เอาไว้ดูว่าลูกค้าของเราได้รับประสบการณ์ที่ดีจากการใช้งานเว็บไซต์ของเราหรือไม่จาก โด�?Insight ต่าง �?จะช่วยทำให้เห็นสุขภาพของเว็บไซต�?และเพิ่มโอกาสให้เว็บไซต์ของเราติ�?SEO หน้าแรกได้ง่ายขึ้น

โดยการติดตั้�?Google Search Console สามารถทำตามขั้นตอนได�?ที่นี่

2. ติดตั้�?Google Analytics 4

Google Analytics 4 (GA4) คื�?เครื่องมือฟรีจา�?Google ในการช่วยวิเคราะห์และวัดประสิทธิภาพของเว็บไซต์และแอปพลิเคชันอย่างละเอียด โดยเราสามารถเข้าถึงรายงานข้อมูล Insight ที่เป็นประโยชน์ต่อการท�?SEO เช่�?จำนว�?Traffic ที่เข้ามายังเว็บไซต์ของเรา, Demographic ข้อมูลของผู้ใช้งานว่าเป็นเพศไห�?อายุเท่าไ�?อาศัยอยู่จังหวัดอะไร รวมถึงข้อมูลพฤติกรรมที่ผู้ใช้งานเข้ามาทำอะไรบนเว็บไซต์ของเราด้วย

นอกจากนี�?คุณสามารถน�?Insight ทั้งจา�?Google Analytics 4 แล�?Google Search Console เข้ามาวิเคราะห์สุขภาพของเว็บไซต์ได้อีกด้ว�?เพื่อให้เห็นภาพชัดมากขึ้นในการท�?SEO ให้กับเว็บไซต์ของคุ�?หากม�?Metric ไหนที่ Drop ลงไป จะได้นำมาปรับปรุงแก้ไขได้ทันเวล�?/p>

สำหรับวิธีการติดตั้ง Google Analytics 4 สามารถทำได้ตามขั้นตอนนี้เลย

3. ติดตั้�?Social Media Pixel

Social Media Pixel คื�?เครื่องมืออย่างหนึ่งที่มีหน้าตาในรูปแบบขอ�?‘โค้ด�?ซึ่งเมื่อเราเอา Social Media Pixel เช่�?Facebook Pixel, TikTok Pixel ไปติดตั้งไว้บนเว็บไซต�?Pixel ก็จะช่วยคุณค้นหาคนที่เคยเข้ามายังเว็บไซต�?คอยเก็บข้อมู�?และติดตามผู้ใช้งานว่าเคยเข้าไปที่เว็บไซต์หน้าไหนบ้าง โดยเก็บข้อมู�?เช่�?Page Views, Add to Cart, Purchase 

แล้ว Social Media Pixel มีประโยชน์ต่อการทำ SEO อย่างไรบ้า�? อย่างที่บอกไปว่า Pixel นั้นเก็บข้อมูลคนที่เคยเข้ามายังเว็บไซต์ของเราแล้ว เมื่อนำเว็บไซต์ไปยิงโฆษณาบนโซเชียลมีเดียอย่าง Facebook, TikTok ก็จะช่วยดึงกลุ่มคนเหล่านั้นกลับเข้ามายังเว็บไซต์ของเราได้อีกครั้�?/p> นอกจากนี�?ยังช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์อีกด้วย ในกรณีที่แบรนด์หรือธุรกิจของเรา Active อยู่บนโซเชียลมีเดียอย่างสม่ำเสม�?ก็จะช่วยให้ลูกค้าเชื่อถือและไว้วางใจแบรนด์มากขึ้นว่ามีตัวตนอยู่จริ�?�?เมื่อแบรนด์น่าเชื่อถือแล้�?ลูกค้าก็จะเข้าถึงเว็บไซต์ของเราอย่างสม่ำเสมอและได้ลูกค้ากลับมาแบบ Organic ด้วย แม้ดูเหมือนว่าการติดตั้ง Social Media Pixel จะไม่ได้ส่งผลโดยตรงกับการท�?SEO แต่ถ้าเรานำทั้ง 2 แพลตฟอร์มนี้มา Integrate เข้าด้วยกันอย่างมีกลยุทธ์ ก็จะส่งผลดีต่อการท�?SEO เช่�?มี Traffic เข้ามาบนเว็บไซต์สม่ำเสม�? ลูกค้าเกิดการค้นหาแบรนด์ของเราอย่างต่อเนื่อ�?เป็นต้น

4. Submit XML Sitemap

XLM Sitemap คื�?แผนผังเว็บไซต�?Site Structure ที่จะช่วยนำทางให�?Google เข้าถึงหน้าเว็บไซต์ที่คุณต้องการจัดการได้ทั้งหมด โดยจะรวบรวมลิงก์หน้าเว็บไซต์ทั้งหมด และแสดงผลออกมาเป็นสารบั�?ซึ่งเหมาะสมมา�?�?สำหรับเว็บไซต์���ี่มีหมวดหมู่ย่อย มีเนื้อหา รูปแบบตัวหนังสือ รูปภาพ วิดีโอ หรือเว็บไซต์ใหม�?�?ที่ยังไม่เคยทำ Backlink

สำหรับการสร้าง XML Sitemap สามารถสร้างได้จากเว็บไซต์ที่รองรับ เช่�?www.xml-sitemaps.com ขั้นตอนง่า�?�?เพียงแค่ใส่ลิงก�?URL เว็บไซต์ของคุณลงไ�?จากนั้นก�?Start เพียงเท่านี้ คุณก็จะได้ sitemap.xml ออกม�?เพื่อนำไปส่งให้ Google ผ่าน Google Search Console

5. สร้างไฟล�?Robots.txt

ไฟล์ Robots.txt คื�?ไฟล์ที่ช่วยบอกให�?Google เข้ามาเก็บข้อมูลในเว็บไซต์ของคุ�?โดยคุณสามารถกำหนดได้ว่าข้อมูลส่วนไหนจะให้ถูกเก็บหรือไม่ให้ถูกเก็บข้อมูลก็ได้เช่นกัน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่จะ���่วยให้ Google สามารถค้นหาหน้าเว็บไซต์ของเราได้ง่ายและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น เป็นประโยชน์อย่างมากต่ออันดับ SEO

6. เช็กคำสั่�?Indexed ของเว็บไซต�?/strong>

Indexing คื�?การที่ Google จัดเก็บหน้าเว็บไซต์ของเราเข้าสู่ฐานข้อมูลเรียบร้อยแล้ว ทำให้ผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตทุกคนสามารถค้นหาเว็บไซต์ของเราเจอ ในการท�?SEO หากเราวา�?Strategy มาเป็นอย่างดี แต�?Google ไม�?Index เว็บไซต์ของเราทุกอย่างมีค่าเท่ากับศูนย์ทันที

เพราะฉะนั้นการเช็กว่าหน้าเว็บไซต์ว่ถูกทำ Indexing ไปแล้วหรือยั�?จึงเป็นเรื่องที่คนทำ SEO ทุกคนควรให้ความสำคัญและมองข้ามไม่ได้เป็นอันขา�?โดยสามารถตรวจสอบได้หลายวิธ�?ไม่ว่าจะเป็�?/p>

• เช็กผ่า�?Google Search Console หรือ SEO Tools อื่น �?(เช่�?ฟีเจอร์ Site Audit บน SEMRush)
• เข้�?Google แล้วพิมพ�?site: แล้วตามด้วยชื่อเว็บไซต�?โดยไม่ต้องใส�?// เช่�?site:example.com ผลลัพธ์ก็จะออกมาทันทีเลยว่�?Google ได้ทำการ Indexing เว็บไซต์ของเราไปมากน้อยเท่าไรแล้�?/li>
• ทดสอบด้วยการค้นหาลิงก์ URL เว็บไซต์เราแบบตรง �?บน Google
• ทดสอบด้วยการคัดลอกเนื้อหาบางส่วนบ�?Google

อย่างไรก็ตาม หากเว็บไซต์ของเราเป็นเว็บไซต์ใหม�?เราก็อาจจะไม่เจอเว็บไซต์ของเราทันท�?เมื่อกดค้นห�?เพราะ Google จะใช้เวลาประมา�?1 สัปดาห�?เพื่อทำกา�?Indexing เว็บไซต�?/p>

7. Mobile-Friendly

สถิติจาก Exploding Topics บอกว่า 92.3% ของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตเข้าถึงอินเทอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์มือถื�?ดังนั้นหากเว็บไซต์ของคุณยังไม่เป็นแบบ Responsive Design ที่สามารถรองรับโทรศัพท์มือถื�? แท็บเล็�?หรืออุปกรณ์อื่�?�?อาจไม่เป็นผลดีต่อการท�?SEO เพราะ Google จะปรับคะแนนการติดอันดั�?SEO ของเว็บไซต์ออนไลน์คุณให้ต่ำล�?/p>

8. HTTPS

HTTPS (Hypertext Transfer Protocol over Secure Socket Layer) คื�?โปรโตคอลรูปแบบหนึ่งในระบบรักษาความปลอดภัยของเว็บไซต�?ซึ่งมีความสำคัญต่อการท�?SEO เป็นอย่างมา�?เพราะ Google ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยในการใช้งานของผู้ใช้

ถ้าหากเว็บไซต์ของเราไม่ติดตั้ง HTTPS ก็จะทำให้ผู้ไม่หวังดีเข้าถึงข้อมูลของเราได้อย่างง่ายดา�?และหากข้อมูลของลูกค้าหลุดออกไป นอกจากจะเป็นประสบการณ์ที่ไม่ดีให้กับลูกค้�?(ในเรื่องความปลอดภัย) แล้ว ธุรกิจของเราอาจโดนฟ้องเรื่องความปลอดภัยด้วยได�?/p> โดยในปัจจุบั�?Google ได้ทำการปรับ Algorithm ในระบบ Indexing (หนึ่งในขั้นตอนการทำงานขอ�?SEO) ให้ตรวจจับเว็บไซต์แบบ HTTPS มาก่อนเสม�?และหากเว็บไซต์ของเราเป็นเพียงแค�?HTTP ธรรมดา Google ก็จะลดความสำคัญของเว็บไซต์เราลงไปด้วย ซึ่งไม่เป็นผลดีต่ออันดับ SEO ของเราเลย

9. Loading Speed

การเช็�?Loading Speed หรือความเร็วในการโหลดเว็บไซต์ถือเป็�?SEO Checklist ที่ทุกคนไม่ควรมองข้ามเป็นอย่างยิ่ง เพราะหากอ้างอิงสถิติจาก Website Builder Expert ที่ชี้ให้เห็นว่า 82% ของลูกค���าบอกว่าความเร็วของความเร็วในการโหลดเว็บไซต์มีผลต่อการตัดสินใจซื้�?หากโหลดช้าเกิ�?3 วินาทีก็อาจทำให้เขาเปลี่ยนใจได้ทันที

ถ้าเว็บไซต์ไหนที่สามารถโหลดได้เร็�?ก็จะถูกใ�?Google และยังถูกมองว่าเป็นเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถืออีกด้วย หากอยากรู้ว่าคะแนนเว็บไซต์ของเราได้กี่คะแน�?(จา�?100 คะแน�? สามารถเช็กได้ที�?Google PageSpeed Insights

Keyword Research Checklist

Keyword Research เป็นกระบวนการค้นหาคีย์เวิร์ดที่มีความเกี่ยวข้องกับเว็บไซต์และทำให้ธุรกิจกับลูกค้ามาเจอกั�?ซึ่งเป็นกระบวนการที่มีความสำคัญที่สุดอีกหนึ่งอย่างในการทำ SEO ที่ไม่อยากให้มองข้ามเด็ดขาด เรามาลองดูกันว่�?Keyword Research Checklist พื้นฐานสำหรับคนท�?SEO จะมีอะไรกันบ้า�?/p>

1. กำหน�?Main Keyword ของเว็บไซต�?/strong>

การกำหนด Main Keyword ของเว็บไซต�?จะเป็นสิ่งที่กำหนดทิศทางว่าเว็บไซต์ของเราจะมีความเกี่ยวข้องกับอะไร โดยทั่วไ�?Main Keyword มักจะเป็นคำกว้าง �?ไม่เฉพาะเจาะจ�?มี Search Volume และการแข่งขันที่ค่อนข้างสู�?รวมถึงเป็นคำที่สามารถดึงดูดให้คนเข้าเว็บไซต์แบบ Organic ได้มากที่สุดด้วย

นอกจากนี�?Main Keyword ทำให้เราสามารถปรับแต่งส่วนต่าง �?ของเว็บไซต์ได้อีกด้ว�?ไม่ว่าจะเป็�?การวาง Pillar Content และแตกคอนเทนต์ย่อยด้วยคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้อ�?(Secondary Keyword), Meta Tag, ปัจจัย On-page SEO อื่น �?ที่มีความสอดคล้องและเป็นไปในทิศทางเดียวกั�?/p>

2. วางแผนกำหนดกลยุทธ์ Keyword ที่ต้องการทำ SEO

ก่อนที่จะทำการวางแผนกลยุทธ�?Keyword คุณต้องเข้าใจก่อนว่าคีย์เวิร์ดที่ดีนั้นจะต้อง

• Relevance �?คีย์เวิร์ดที่ดีควรจะต้องมีความเกี่ยวข้องกับคอนเทนต์แล�?Search Intent
• Authority �?คีย์เวิร์ดที่ดีควรจะมีอำนาจหรือพลังมากพอที่จะทำอันดับได�?/li>
• Volume �?คีย์เวิร์ดที่ดีควรจะต้องม�?Search Volume

เมื่อเราเข้าใจคุณสมบัติของคีย์เวิร์ดที่ดีแล้ว มาเริ่มวางแผนกำหนดกลยุทธ์ Keyword กั�?โดยเราขอแบ่งออกเป็�?3 ขั้นตอนง่า�?�?คื�?/p>

1. เลือกใช้คีย์เวิร์ดให้เหมาะสม �?คีย์เวิร์ดที่เหมาะสม เช่�?nbsp;

• Short-tailed Keyword หรือคีย์เวิร์ดที่เป็นคำกว้าง �?ไม่เจาะจ�?มี Search Volume สู�?มีคู่แข่งเยอ�?เช่�?คาเฟ่, ข้าวมันไก่ โดยส่วนมาก Short-tailed Keyword จะเป็นคำตั้งต้นเพื่อใช้ในการวางแผนคีย์เวิร์ดอื่�?�?ต่อไ�?/li>

• Long-tailed Keyword หรือคีย์เวิร์ดที่มีความยา�?เฉพาะเจาะจ�?มี Search Volume น้อยกว่า และมีคู่แข่งไม่เยอะเท่าแบบแร�?ซึ่งการใช้ Long-tailed Keyword ส่วนมากมักจะติดอันดับง่ายกว่�?เพราะมักจะเป็นคำที่ตรงกับ Search Intent ของลูกค้�?เช่�?คาเฟ่ ลาดพร้าว, ร้านข้าวมันไก่ สามย่า�?/li>

การเลือกใช้คีย์เวิร์ดให้เหมาะสมกับคอนเทนต์หรือเว็บไซต์จะช่วยเพิ่มโอกาสให้คุณติดอันดับ SEO ได้มากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ต้องดูความเหมาะสมและบริบทของคอนเทนต์และเว็บไซต์คุณด้วย

2. ปรับให้คีย์เวิร์ดตรงกั�?Search Intent �?การปรับคีย์เวิร์ดให้ตรงกับ Search Intent จะช่วยให้คีย์เวิร์ดเราติดอันดับได้ง่ายขึ้น ซึ่งผู��ใช้งานอินเทอร์เน็ตในปัจจุบันมักจะใช�?Google เพื่อหาคำตอบอะไรบางอย่า�?Search Intent อาจจะเป็�?Question หรือ How to เช่�?มีคำว่�?“คือ�? “วิธีทำ�?อย่า�?SEO คื�? วิธีทำต้มยำกุ้�?เป็นต้น 

โดยการหา Search Intent ที่ง่ายที่สุ�?คื�?ให้แบรนด์ลองวางแผนคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้อ�?ด้วยการลองนำคีย์เวิร์ดนั้�?�?ไปค้นหาบ�?Google และดูว่าผลการค้นหาที่ทาง Google แนะนำมาให้นั้นมีอะไรบ้าง (Related Searches) ตรงกับเว็บไซต์ของเราหรือไม�?หรือการใช้ SEO Tools ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่สามารถใช้หา Search Intent ได้เช่นกัน

3. ทำ Keyword Research �?การท�?Keyword Research คื�?ขั้นตอนในการเลือก Keyword ที่เกี่ยวข้องกับสินค้าและบริการของเรา โดยไม่จำเป็นต้องเลือกใช้เพียงคำเดียว แต่ยังสามารถเลือกใช้หลายคำที่ใกล้เคียงกันได้ ซึ่งสิ่งที่ต้องดูในการทำ Keyword Research หลัก �?ประก��บไปด้วย

• Search Volume �?จำนวนปริมาณการค้นหาเฉลี่ยต่อเดือน
• Keyword Difficulty �?Metric ที่แสดงความยากง่ายของคีย์เวิร์ดแบบ Organic Keyword ที่ไม่ได้มาจาก Ads
• Search Result �?การแสดงเว็บไซต์ที่ติดอันดับของคีย์เวิร์ดคำนั้�?(เอาไว้ส่องดูได้ว่าใครเป็นคู่แข่งเราบ้าง)

แม้ว่าการท�?Keyword Research จะไม่ใช่เรื่องใหม่แต่อย่างใ�?แต่ก็มักพบว่าผู้เริ่มต้นท�?SEO บางคนยังไม่รู้จักการทำ Keyword Research และเลือกคีย์เวิร์ดตามความรู้สึกตัวเอง หรือตามความเชื่อ โดยที่ไม่มีข้อมูลมาอ้างอิง บางครั้งเมื่อลงมือทำไปแล้�?กลับพบว่าไม่ได้ผลลัพธ์ตามที่คาดหวังไว้ ก็จะทำให้เสียทั้งเงินและเวล�?ไปฟร�?�?ได�?/p> เพราะฉะนั้นการท�?Keyword Research จึงเป็นสิ่งที่กำหนดการทำงานในหลา�?�?ส่วนขอ�?SEO บนเว็บไซต�?ทั้งการท�?SEO Content, การปรับแต่�?On-page SEO, การวาง Site Structure, การท�?Link Building รวมถึงเรื่องอื่�?�?ในการเพิ่มโอกาสการเติบโตของธุรกิจ

On-page Checklist

On-page SEO คื�?การปรับแต่งภายในเว็บไซต์หรือคอนเทนต์ของเราเอง เราไปดูกันดีกว่าว่า On-page Checklist จะมีอะไรบ้าง

1. Friendly URL

การตั้�?URL นอกจากจะต้องสั้น กระชับ เข้าใจง่ายแล้�?ก็ควรที่จะต้องมี Keyword อยู่ใน URL ด้วย โดยหลักการตั้ง Friendly URL เช่�?/p>

• ควรตั้งเป็นภาษาอังกฤษด�?เพราะเป็นสากลและบางครั้งหากเราตั้ง URL เป็นภาษาไทย เบราว์เซอร์ของผู้อ่านในประเทศอื่นอาจไม่รองรับภาษาไท�?ทำให้การแสดงผลออกมาเป็นภาษาที่อ่านไม่ออก 
• ใช้เครื่องหมาย �?�?(Hyphen) แทนการเว้นวรร�?/li>
• หลีกเลี่ยงการตั้งตัวเลขปีใน URL เพราะปีจะเปลี่ยนไปในทุ�?�?ปี เช่�?���������Ż�-checklists-2024

ตัวอย่างการตั้�?URL เช่�?บล็อกของเราเกี่ยวกับ SEO Checklist สำหรับมือใหม�?เราอาจตั้งว่า //example.com/blog/������ƽ̨���-checklists-for-beginner เป็นต้น

2. Title Tag

Title Tag คื�?ชื่อที่ปรากฏอยู่บนหน้า SERP ที่แสดงให้ทั้ง Google และผู้ใช้งานเข้าใจว่าคอนเทนต์หรือเว็บไซต์ของเราเกี่ยวกับอะไร สำหรับการตั้งชื่�?Title Tag ควรม�?Primary Keyword อยู่ในนั้น, ไม่ควรมีความยาวเกิ�?60 ตัวอักษร, ตั้งให้เข้าใจง่า�?รู้ทันทีว่าเมื่อกดคลิกเข้ามาแล้วจะเจออะไร รวมถึงควรตั้งชื่อที่น่าดึงดูดมากพอ เพื่อให้ผู้ใช้งานอยากคลิกเข้ามาบนเว็บไซต์ของเราด้วย

3. มีคีย์เวิร์ดอยู่ใ�?First Paragraph

รู้หรือไม่ว่าการมี Primary Keyword อยู่ใน 100 คำแร�?เป็นส่วนช่วยให้บทความของเราติดอันดับหน้าแรกบน Google ได�?โดยผู้เชี่ยวชาญหลายคนเชื่อว่�?Google ให้น้ำหนัก 100 คำแรกในคอนเทนต์ของเรา เนื่องจากโดยปกติแล้�?100 คำแรกของบทความต่าง �?จะเป็นตัวตัดสินใจว่ามีความน่าสนใจมากพอที่ผู้อ่านจะอ่านบทความต่อหรือไม�?ดังนั้�?100 คำแรกจึงเป็นปัจจัยในการจัดอันดับได้เช่นกัน

4. ใช้คีย์เวิร์ดใ�?H1, H2 หรือ H3 Tags

Google มักจะมีการอ่านโครงสร้างหน้าเว็บไซต์หรือหน้าเว็บเพจจา�?Heading Tag ซึ่งการที่ใช้คีย์เวิร์ดใ�?H1, H2 หรือ H3 Tag จะช่วยให�?Google เข้าใจเว็บไซต์ของเรามากขึ้นว่าเกี่ยวข้องกับอะไร มีผลต่อการติดอันดั�?SEO หน้าแรกได้

5. ปรับรูปภาพให้เหมาะสมกั�?SEO

การใช้รูปภาพที่เหมาะสมกั�?SEO เป็นอีกหนึ่งในกลยุทธ์ที่ไม่ควรมองข้าม ตัวอย่างเช่�?การย่อไฟล์รูปภาพไม่ให้ใหญ่เกินไ�?เพราะหากรูปภาพมีขนาดใหญ่มาก จะส่งผลต่อ Page Speed ของเว็บไซต�?และประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช�?nbsp;

นอกจากนี�?การตั้�?ALT Text Tags หรือคีย์เวิร์ดที่อธิบายเกี่ยวกับรูปภาพที่แทรกอยู่ใ�?HTML Code ของเว็บไซต�?ก็มีผลต่อการทำ SEO ด้วยเช่นกัน เพราะช่วยทำให�?Google เข้าใจรูปภาพของเราได้มากขึ้นว่าเกี่ยวข้องกับบทความหรือเปล่า (Google มองไม่เห็นรูปภา�?แต่เข้าใจโค้�? รวมถึง ALT Text Tags ยังทำให้กลุ่มเป้าหมายค้นหาเว็บไซต์เราเจอผ่านรูปภาพได้เช่นเดียวกั�?/p>

6. เพิ่มคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องในบทควา�?/strong>

คีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้อ�?หรือ Secondary Keyword คื�?คีย์เวิร์ดที่ให้ความหมายใกล้เคียงกั�?Primary Keyword แต่ม�?Search Volume และการแข่งขันที่น้อยกว่า ซึ่งบางครั้ง Primary Keyword ก็มีการแข่งขันที่ค่อนข้างสูง การที่เราโฟกัสเฉพาะ Primary Keyword อาจไม่สามารถชนะคู่แข่งได�?/p> ดังนั้นข้อดีของการเพิ่มคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องในบทความเข้าไปเป็นการเพิ่มโอกาสในการไต�?Ranking ในคำอื่น �?มากขึ้�?นอกจากนี�?Primary Keyword สามารถมีได้แค่คำเดียว แต�?Secondary Keyword มีได้มากถึ�?8-10 คำเลยทีเดียว โดยไอเดียสำหรั�?Secondary Keyword สามารถค้นหาได้จา�?SEO Tools ต่าง �?ได้เลย

7. เพิ่ม Internal Link

การเพิ่ม Internal Link หรือการเชื่อมลิงก์ภายในเว็บไซต์ด้วยกันเอง นอกจากจะมีประโยชน์คือให้ผู้อ่านสามารถเข้าไปอ่านเนื้อหาเพิ่มเติมได้แล้ว ยังเป็นการช่วยโอกาสให้ Traffic วนเวียนอยู่ในเว็บไซต์ของเราได้นานขึ้น ซึ่ง Google จะมองว่าเว็บไซต์เรามีคุณภาพและสร้างประโยชน์ให้กับผู้อ่านได้จริง ส่งผลดีต่อคะแน�?SEO โดยตรง

8. แก้ไ�?Duplicate Content

การมีเนื้อหาที่ซ้ำกันบนเว็บไซต์เดียวกั�?(Duplicate Content) อาจไม่ส่งผลดีต่อประสบการณ์ผู้ใช้และอันดั�?SEO เช่�?/p>

• Search Engine Ranking Issues �?หากเว็บไซต์ม�?Duplicate Content อาจสร้างความสับสนให้กั�?Search Engine ได�?เพราะ Search Engine จะไม่รู้ว่าคอนเทนต์ไหนที่มีความสดใหม่กว่า หรืออันดับสูงกว่ากัน ซึ่งผลสุดท้า�?Search Engine ก็จะเลือกเพียงหน้าเว็บเพจเดียวเท่านั้�?และทำให้ Duplicate Content อันอื่นมีอันดับที่ตกลง

• Keyword Cannibalization �?หรือการท�?SEO ด้วยการใช้ Keyword เดิ�?�?หลายหน้า Landing Page บนเว็บไซต์เดียวกั�?ซึ่งหลายคนอาจเข้าใจผิดว่าการทำ SEO ด้วย Keyword เดิมซ้ำ �?อาจทำให้ Google ดันเว็บไซต์เราให้ติดอันดับได้ดีกว่าเดิ�?แต่จริ�?�?แล้ว การทำแบบนี้จะเป็นการเพิ่มโอกาสให้เกิดการแข่งขันกันเองภายในเว็บไซต�?เช่�?เราอยากให�?Landing Page A ติดอันดั�?แต่ม�?Duplicate Content จา�?Landing Page B มาแล้วองค์ประกอบทุกอย่าง B ทำได้ดีกว่�?Google ก็จะเลือก B ให้ติดอันดับ ทำให้อันดั�?A ตกลงไปด้วย ซึ่งการทำแบบนี้ไม่เป็นผลดีต่ออันดับ SEO แน่นอน

ดังนั้นแล้�?หากเว็บไซต์ของคุณม�?Duplicate Content อยู่ เราอยากแนะนำให้คุณแก้ไขก่อนที่จะสายเกินไ�?เพราะเมื่อ Google ตรวจเจอเมื่อไร แม�?Duplicate Content จะเกิดขึ้นด้วยความไม่ได้ตั้งใจก็ตาม ก็อาจเกิดการลงโทษตามมาได�?/p>

Off-Page Checklist

Off-page SEO คื�?การใช้ปัจจัยภายนอกเว็บไซต์มาช่วยให้การท�?SEO มีอันดับที่ดีขึ้�?สำหรับ Off-Page Checklist ที่คุณควรเช็กมีดังนี�?/p>

2. Disavow Backlink

Disavow Backlink คื�?การกำจัด Backlink ที่ไม่เป็นผลดีกับเว็บไซต์ของเราออกไ�?เพื่อไม่ให้มากระทบต่อการท�?SEO ของเว็บไซต�?เพราะ Google มีมาตรการลงโทษสำหรับเว็บไซต์ที่รั�?Backlink คุณภาพต่ำมากเกินไ�?โดยผลที่ตามมาอาจทำให้อันดับเว็บไซต์ของเราตกลงได�?หรือโดนแบนจา�?Google ในที่สุด สำหรับวิธีการท�?Disavow Backlink สามารถทำได้โดยใช้เครื่องมื�?SEO Tool เช่�?Google Search Console, SEMRush, Ahrefs ในการกำจัด Bad Backlink ได้เลย

3. ตั้งค่�?Google My Business

การตั้งค่า Google My Business เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ทำให้ Google สามารถ Backlink กลับไปยังเว็บไซต์ของเรายังหน้าเว็บเพจต่าง �?ได�?หากมีคนค้นหาคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับเรา โดยสามารถตั้งค่าผ่าน Google My Business และสามารถลิงก์ไปยังเว็บเพจต่าง �?เช่�?/p>

• Website หน้าเว็บไซต�?/li>
• Booking หน้าการจองหรือการนัดหมาย
• Product / Service หน้าแสดงข้อมูลผลิตภัณฑ์หรือบริกา�?/li>
• Review หน้าแสดงการรีวิวของลูกค้าท่านอื่�?�?/li>

โดยคุณสามารถศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการตั้งค่า Google My Business ได�?ที่นี่

4. ทำกลยุทธ์รายชื่อ Backlink

แน่นอนว่�?Backlink นั้นมาจากการที่เว็บไซต์อื่�?�?อ้างอิงถึงเว็บไซต์ของเรา ดังนั้นสิ่งที่คุณควรทำคื�?บันทึก Backlink เหล่านั้นไว�?แล้วดูว่าเว็บไซต์ไหนที่ติด Backlink กลับมาให้เราแบ�?Organic และถ้าหากว่าเว็บไซต์เรานั้นเป็นเว็บไซต์ที่มีความน่าเชื่อถื�?ในอนาคตเราก็สามารถติดต่อร่วมไปเป็นพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจกับเว็บไซต์เหล่านั้นได�?เป็นกลยุทธ์ที�?Win-Win กันทั้งคู่

SEO Checklist มีอะไรบ้าง ? เพียงรู้สิ่งนี้ก็สามารถ��ำเว็บไซต์ติดอันดับ 1 ได้ง่ายๆ  appeared first on urtarrilak12.com.

]]> //urtarrilak12.com/google-discover/ Thu, 07 Mar 2024 01:30:00 +0000 //urtarrilak12.com/?p=40046 The post Google Discover คืออะไ�?? ดันอันบนหน้าฟีดของ Google ได้อย่างไร appeared first on urtarrilak12.com.

]]>

Google Discover คือฟีเจอร์หนึ่งของ Google บนมือถือที่จะแสดงเว็บไซต์เนื้อหา ข่าวสา�?และข้อมูลต่า�?�?ที่เกี่ยวข้องกับความสนใจและความชอบของคุณมาแ���ดงให้คุณเห็นในหน้าแรกเมื่อเปิดเข้าใช้งา�?Google ผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือ โด�?Google Discover ถือเป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ค�?a href="//urtarrilak12.com/how-to-do-���������Ż�/">ทำ SEO รวมไปถึงเจ้าของธุรกิจที่กำลังทำ SEO ต้องเริ่มศึกษาไว้ เพราะการที่เว็บไซต์หรือบทความของคุณไปปรากฏบน Google Discover ของกลุ่มเป้าหมายได้ นั่นหมายถึงจำนวน Traffic อันมหาศาลที่จะไหลเข้ามายังเว็บไซต์ของคุ�?/p> ในบทความนี้เราเลยขอมาอธิบายว่�?Google Discover คืออะไ�?? พร้อมอธิบายรูปแบบการทำงานของ Google Discover แบบละเอียดที่สุด

Google Discover ทำงานอย่างไร ?

Google Discover ทำงานโดยใช้ระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่เรียกว่�?Machine Learning ในการวิเคราะห์ข้อมูลการใช้งานหรือการค้นหาข้อมูลของคุณบ�?Google โดยข้อมูลที่ Google Discover จะดึงมาประกอบการวิเคราะห์เพื่อแสดงเว็บไซต์ต่า�?�?มายังหน้าฟีด เช่�?/p>

• ประวัติการค้นห�? คำที่คุณค้นหาบ�?Google ที่บอก Google เกี่ยวกับสิ่งที่คุณสนใจ
• เว็บไซต์ที่เข้าช�? เว็บไซต์ที่คุณเข้าชมบ่อ�?ที่บอก Google เกี่ยวกับเนื้อหาหรือคอนเทนต์ที่คุณชอ�?/li>
• แอปพลิเคชันที่ใช้งา�? แอปที่คุณใช้งา�?บอ�?Google เกี่ยวกับกิจกรรมและความสนใจของคุณ
• ตำแหน่งที่อยู่: ตำแหน่งที่อยู่ของคุณ บอ�?Google เกี่ยวกับสถานที่ที่คุณอยู่และสิ่งที่คุณอาจสนใจในบริเวณใกล้เคียง

จากข้อมูลเหล่านี�?Google Discover จะเรียนรู้เกี่ยวกับความสนใจของคุณ และนำเสนอเว็บไซต�?บทความที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องหรือใกล้เคียงกับความสนใจของคุณมากที่สุดบนหน้าฟี�?Discover และต้องอธิบายเพิ่มว่าตัว Machine Learning ขอ�?Google Discover นั้นมีการเรียนรู้และปรับปรุงอยู่เสม�?ยิ่งคุณใช้งา�?Google มากเท่าไหร�?Google Discover ก็ยิ่งเข้าใจความสนใจของคุณมากขึ้นเท่านั้�?/p>

ปัจจัยที่ส่งผลต่อการทำ Google Discover มีอะไรบ้าง ? 

สำหรับปัจจัยที่ส่งผลต่อการทำ Google Discover มีหลัก �?ด้วยกันทั้งหมด 7 ปัจจัยที่คุณสามารถทำความเข้าใจได้เพื่อเป็นส่วนในการปรับแต่งเว็บไซต์ของคุณให้ไปแสดงผลบน Google Discover ได้ดังนี�?/p>

ทำความเข้าใจการทำงานของ Google Discover

อันดับแรกคุณต้องเข้าใจการทำงานของ Google Discover ก่อนว่าตัวขอ�?Google Discover นั้นก็คล้ายกับการทำงานขอ�?SEO คื�?/a>คุณไม่สามารถกำหนดเองได้ว่าจะให้เว็บไซต์ของคุณไปปรากฏที��หน้�?Discover ของกลุ่มเป้าหมา�?ทั้งหมดจะต้องอาศัยกา�?Learning ขอ�?Google AI ตามปัจจัยที่เราได้บอกไปในหัวข้อที่แล้วเท่านั้�?สิ่งที่คุณทำได้ก็มีเพียงแค่ปรับเว็บไซต์ของคุณให้ถูกหลักการขอ�?SEO ที�?Google ชอบให้ได้มากที่สุด

ทำความเข้าใ�?EEAT Factor 

ส่วนต่อมาคือการปรับเนื้อหาของคอนเทนต์ในหน้าบทความเว็บไซต์ของคุณให้มีตรงกับหลักเกณฑ์ EEAT Factor โดยแต่ละส่วนนั้นมีความหมายจา�?Expertise (ความเชี่ยวชาญ), Experience (ประสบการณ์), Authoritativeness (ความน่าเชื่อถื�? แล�?Trustworthiness (ความไว้วางใจ) ที่เป็นหลักเกณฑ์ที�?Google ใช้ประเมินคุณภาพของเนื้อหาบทความในเว็บไซต�?ถ้าเว็บไซต์ไหนที่สร้างคอนเทนต์ได้ตรงตามเกณฑ์ดังกล่าว Google ก็จะผลักดันให้เว็บไซต์นั้นมาแสดงผลบ�?Google Discover ได้ง่ายขึ้นนั่นเอง

สร้างคอนเทนต์ที่มีคุณภาพและเป็�?Evergreen Content 

ต่อเนื่องจากปัจจัยที่แล้วภายในเนื้อหาที่คุณเขียนลงไปในบทความ คอนเทนต์ที่คุณสร้างขึ้นต้องเป็นคอนเทนต์ที่มีคุณภา�?มีแหล่งข้อมูลอ้างอิงที่เชื่อถือได้ หรือเป็นคอนเทนต์ที่คุณทำกา�?Research ข้อมูลมาด้วยตัวเอง (ไม�?Copy&Duplicate จากเว็บไซต์ไหนมา) และที่สำคัญควรต้องเป็�?Evergreen Content หรือคอนเทนต์ที่มีคุณค่าอยู่ตลอดเวล�?ไม่เสื่อมคลายตามกระแ�?หรือเป็นเนื้อหาเกี่ยวกับหัวข้อที�?“ตายตัว” ไม่เปลี่ยนแปลงตามกาลเวล�?เช่�?ความรู้พื้นฐาน คู่มือ เทคนิ�?เคล็ดลั�?ฯล�?ในแต่ละหัวข้�?/p>

อ่านบทความที่เกี่ยวข้อ�?: วิธีเขียนบทความ SEO เขียนแบบไหนถึงติดอันดับแบบยั่งยืน

On Page SEO ที่แข็งแรง ไล่ตั้งแต่การปรับแต่�?Headlines, Titles, Meta Description ของหน้าบทความให้ตรงกับ Keyword ที่คนค้นหาสามารถบอกให้ Google ทราบได้ว่าบทความของคุณเกี่ยวข้องกับอะไร ช่วยดึงดูด Traffic ให้คนคลิกเข้าม�?รวมถึงการท�?Image Optimization ปรับขนาดรูปเล็กล�?ช่วยให้เว็บไซต์โหลดได้เร็วขึ้�?เพิ่มคะแน�?Page Speed 

TIPS : ระบบหลังบ้านเว็บไซต์ของคุณควรต้องมีการวางโครงสร้างข้อมู�?Schema Markup ที่เป็นโครงสร้างข้อมูลบนเว็บไซต์ที่ช่วยให�?Google เข้าใจเนื้อหาของคุณ และช่วยแสดงเว็บไซต์ของคุณบ�?Google Discover ได�?/p>

ลองใช้ Google Web Stories

อีกหนึ่งลูกเล่นที่น่าสนใจบ�?Google และช่วยให้เว็บไซต์ของคุณไปแสดงผลที่หน้า Google Discover ได้นั้นคือการสร้าง Google Web Stories หรือฟีเจอร์แสดงวิดีโอสั้น (คล้า�?Stories ใน Instagram) บนเว็บไซต์ของคุณซึ่งวิดีโอนี้จะไปปรากฏบ�?Google Discover ซึ่งช่วยเพิ่ม Traffic ให้เว็บไซต์ได้ แถ�?AI Google ย้งชอบมา�?�?อีกด้ว�?โดยเราขอสรุปสั้น �?เกี่ยวกับสิ่งที่คุณควรรู้ขอ�?Google Web Stories ดังนี้

• Google Web Stories คือวิดีโอสั้นในแนวตั้ง ของเว็บไซต์ที่คุณเป็นเจ้าของ สามารถทำได�?1 URL ต่�?1 Stories
• 1 Stories สามารถแยกออกมาได้ตั้งแต่ 2-30 คลิป
• ทุกเว็บไซต์บนระบ�?WordPress ทำ Google Web Stories ได�?/li>
• จะแสดงผลเฉพาะวิดีโอ 828×1792 Pixel แนวตั้�?ความยาวไม่เกิ�?15 วินาทีเท่านั้�?nbsp;

วิธีการด�?Performance ขอ�?Google Discover ผ่าน Google Search Console

ในการวัดผลดู Performance ขอ�?Google Discover นั้นสามารถทำได้ผ่านการใข้งาน Google Search Console โดยวิธีการเช็กข้อมู�?Performance นั้นให้คุณเข้าไปที่ Google Search Console ของเว็บไซต�?จากนั้นสังเกตแถบซ้ายมือ กดตรงคำว่า Discover 

ระบบจะแสดงข้อมูล Performance ทั้งหมดไม่ว่าจะเป็�?Traffic, Impressions, Clicks, CTR แล�?Average Position ที่จะนับเฉพาะการที่มีคนกดเข้ามาจากฟีเจอร์ Google Discover เท่านั้�?ซึ่งจะทำให้คุณสามารถวิเคราะห์ข้อมูลของเว็บไซต์ได้ว่�?ตอนนี้ผลลัพธ์ในส่วนของการให้เว็บไซต์แสดงผลผ่า�?Google Discover นั้นเป็นที่น่าพอใจหรือยัง แล้วมาปรับแต่งเว็บไซต์ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นต่อไ�?nbsp;

ความแตกต่างระหว่าง Google Discover แล�?Google Search

ความแตกต่างระหว่าง Google Discover แล�?Google Search นั้นแม้จะดูคล้ายกันแต่มีความแกตต่างกันอย่างสิ้นเชิงโดย Google Discover เป็นการทำให้ผู้ใช้งานได้เจอเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาใหม่�?ที่น่าสนใจ ตรงกับความชอ�?โดยไม่ต้องป้อนคำค้นหาหรื�?Keyword อะไรเลย ตัวระบบจะแสดงผลเว็บไซต์นั้นมาให้เราเองในหน้าแรกของแอ�?Google เมื่อเข้าใช้งานผ่านมือถื�?nbsp; แต�?Google Search นั้นผู้ใช้งานจะต้องป้อนคำค้นหาหรือ Keyword ลงไปในช่อง เพื่อค้นหาในสิ่งที่ตัวเองสนใจบนหน้า SERP และสามารถเลือกเข้าไปยังเว็บไซต์ที่พวกเขาต้องการได้ด้วยตัวเอง 

Google Discover Traffic เพิ่มหรือลดเกิดจากอะไร ? 

ปัจจัยที่จะทำให้การท�?Google Discover เกิ�?Traffic เพิ่มหรือลดนั้นหลัก �?มาจา�?‘การทำ SEO ให้เว็บไซต์�?เพราะอย่างที่เราได้บอกไปว่�?Google Discover นั้นมีความคล้ายกับ SEO คือตัว AI ขอ�?Google ก็จะมองหาเว็บไซต์ที่มี Traffic เยอ�?มีการวางโครงสร้างถูกต้องตามหลักของ SEO ก่อนเสม�?ดังนั้นถ้า Google Discover เกิ�?Traffic เพิ่มขึ้น แสดงว่�?Google เริ่มมองว่าเว็บไซต์ของคุณท�?SEO ได้ด�?มีเนื้อหาของคอนเทนต์ที่เป็นประโยชน�?จนอยากเอามาแสดงผลใน Google Discover  แต่ถ้า Google Discover มี Traffic ลดลงอย่างน่าตกใจ แสดงว่าเว็บไซต์ของคุณอาจจะมีข้อผิดพลาดเกี่ยวกับการท�?SEO หรือระบบหลังบ้านของเว็บไซต�?จนทำให�?Google มองว่ามีเว็บไซต์อื่นที่ทำผลงานได้ดีกว่า และอยากมอบพื้นที่การแสดงผลขอ�?Google Discover ให้กับเว็บไซต์นั้�?�?มากกว่านั่นเอง

The post Google Discover คืออะไ�?? ดันอันบนหน้าฟีดขอ��� Google ได้อย่างไร appeared first on urtarrilak12.com.

]]> //urtarrilak12.com/what-is-search-engine-marketing/ Wed, 06 Mar 2024 01:30:00 +0000 //urtarrilak12.com/?p=40051 The post รวมทุกสิ่งที่คุณต้องรู��เกี่ยวกับ SEM (Search Engine Marketing) คร�?จบ ในที่เดีย��� appeared first on urtarrilak12.com.

]]> SEM (Search Engine Marketing) คื�?อีกหนึ่งวิธีการทำการตลาดบน Search Engine ที่มีประสิทธิภาพสูงมาก เพราะปัจจุบัน Google มีอัตราการค้นหากว่�?99,000 ครั้งต่อวินาที ดังนั้นยิ่งถ้าเราสามารถทำให้เว็บไซต์ของเราติดอันดับหน้าหนึ่งบน Google โอกาสที่ธุรกิจเราจะถูกค้นพบ และดึงดูดให้คนเข้ามาที่เว็บไซต์ของเราก็ยิ่งมีมากขึ้นด้ว�?nbsp; บทความนี�?Nerd Optimize จะพาทุกคนไปรู้จักกับ SEM กันให้มากขึ้�?พร้อมทั้งดูว่า SEM แตกต่างจาก SEO อย่างไรบ้า�?ไปดูกันเลย

SEO (Search Engine Optimization)

SEO คื�?/a> การทำให้เว็บไซต์ติดอันดับหน้าแรกบ�?Search Engine ผ่านการปรับแต่งเว็บไซต์ให้มีประสิทธิภา�?โดยไม่เสียเงินในการซื้อโฆษณ�?และผลลัพธ์ที่ได้รับกลับมาจะเรียกว่าเป็นแบบ Organic Search หรือแบบธรรมชาต�?โดยการปรับแต่ง SEO หลัก �?จะมี 3 แบบด้วยกัน คื�?/p>

On-page SEO

On-page SEO คื�?กา�?a href="//urtarrilak12.com/���������Ż�-writing/">เขียนบทความ SEO และการปรับแต่งคอนเทนต์บนหน้าเว็บเพจหรือบนเว็บไซต์ของเราให้มีความเหมาะสมและง่ายต่อทั้งผู้ใช้งานเว็บไซต�?ลูกค้า รวมถึงกฎเกณฑ์ขอ�?Search Algorithm* โดยการปรับแต่ง On-page SEO มักจะเกี��ยวข้องกับการ���ทร�?Keyword ในปริมาณที่พอดีไปยังส่วนต่าง �?ของคอนเทนต์ รวมถึงการเขียนเนื้อหาต้องมีคุณภาพ สามารถตอบคำถาม Keyword ที่ผู้ใช้ค้นหาผ่าน Search Engine ได้เป็นอย่างดี 

*Search Algorithm ในที่นี้จะยึดหลักของ Google Algorithm เพราะเป็�?Search Engine ที่ใหญ่และมีอิทธิพลมากที่สุด โด�?Google จะมีการอัปเดต Algorithm การจัดอันดั���อยู่เป็นประจำ เพื่อจัดการเว็บไซต์ที่ไม่มีคุณภา�?และให้ผลการค้นหาตรงใจผู้ใช้งานมากยิ่งขึ้�?/em>

Off-page SEO

Off-page SEO คื�?การท�?SEO ผ่านปัจจัยภายนอกเว็บไซต�?เช่�?การท�?Link Building, การทำให้แบรนด์หรือธุรกิจเราถูกพูดถึงผ่านช่อ��ทางโซเชียลมีเดี�?เว็บไซต�?หรือช่องทางอื่�?�?เป็นต้น ยิ่งแบรนด์เรามีการพูดถึงในโลกออนไลน์หรือมีการติ�?Backlink กลับมามากเท่าไ�?ในสายตาของ Google Algorithm ก็จะมองว่าเว็บไซต์ของเราน่าเชื่อถือมากเท่านั้�?ส่งผลให้คะแน�?SEO เราดียิ่งขึ้น และช่วยให้เว็บไซต์ของเราติดอันดับหน้าแรกได้นั่นเอง

Technical SEO

Technical SEO คื�?การปรับแต่งเว็บไซต์ทางเทคนิ�?เพื่อให�?Google Algorithm ให้คะแนนเว็บไซต์ของเราสูงขึ้�?ไม่ว่าจะเป็�?การออกแบ�?UX/UI ให้มีความเป็นมิตรต่อผู้ใช้งา�?(User Friendly), การปรับให้หน้าเว็บไซต์โหลดเร็วขึ้�? การปรั�?User Interface ให้รองรับการแสดงผลทั้งบนคอมพิวเตอร์ แท็บเล็�?หรือสมาร์ทโฟ�? การรักษาความปลอดภัยของข้อมูลบนเว็บไซต�?และข้อมูลของผู้ใช้งา�?หรือการออกแบ�?Site Structure ให้ใช้งานได้ง่าย เป็นต้น

PPC (Pay Per Click)

PPC คื�?การจ่ายเงินเพื่อซื้อพื้นที่โฆษณาบน Search Engine ในพื้นที่ที่ถูกกำหนดไว�?(Paid Search) เช่�?หากเราลองค้นหาอะไรสักอย่างบน Google แล้วเมื่อผลการค้นหาแสดงขึ้นมา เว็บไซต์อันแรกสุดหรือล่างสุดของหน้าแรกที่มีสัญลักษณ�?Sponsor อ���ู่หน้าชื่อเว็บไซต์นั้�?�?นั่นคือเว็บไซต์ที่มีการซื้�?Paid Search

สำหรับการซื้�?Paid Search บน Google หรือที่เราเรียกว่�?Google Ads นั้นง่ายมา�?คื�?เราต้อง Bidding หรือทำการประมูลราค�?Keyword นั้น �?ก่อน ส่วนการจ่ายเงินของ PPC คื�?ทุ�?�?ครั้งที่มีคนกดเข้าเว็บไซต์ของเราจากการโฆษณ�?Google ก็จะคิดเงินตามจำนวนคลิ�?ถ้าเราลงโฆษณาไปแล้�?แต่ไม่มีคนกดคลิกเข้าเว็บไซต�?Google ก็จะไม่มีการเก็บเงินค่าโฆษณาแต่อย่างใดเลย 

ตัวอย่างเช่�?เรา Bidding มาได�?3 บา�?แล้ววันนั้นมีคนกดเข้าเว็บไซต์ของเรา 100 ครั้�?เท่ากับว่าเราต้องจ่ายเงินให้ Google ทั้งหม�?3 x 100 = 300 บา�?/p>

SEO vs SEM ต่างกันอย่างไร

การท�?SEO กั�?SEM นั้นมีจุดประสงค์เดียวกั�?คื�?การทำให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับหน้าแรกบ�?Google แต่ก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันไ�?ดังนี้

ข้อดีของ SEO

• ไม่เสียเงินในการซื้อพื้นที่โฆษณา
• ได�?Organic Traffic ไม่จำกัดจำนวนคลิ�?/li>
• แสดงผลตลอด 24 ชั่วโม�?/li>
• คุ้มค่าต่อการลงทุนและช่วยเพิ่มยอดขายต่อเนื่องในระยะยาว
• ธุรกิจมีความน่าเชื่อถือสูง

ข้อเสียของ SEO

• ใช้เวลาและความสม่ำเสมอในการ Optimize บางครั้งอาจต้องใช้เวล�?6-12 เดือน หรือบางครั้งก็มากกว่านั้�?หากมีการแข่งขันที่สูงมาก
• ทีมงานควรมีความเชี่ยวชาญสู�?และใช้ทีมงานมากกว่าในการดำเนินงาน (ทั้งด้านคอนเทนต์และเว็บไซต�?
• ต้องคอยติดตามข่าวสารการอัปเดตขอ�?Google Algorithm อยู่เป็นประจำ
• หากคีย์เวิร์ดนั้นมีการแข่งขันสูง คู่แข่งมีการทำ SEO อยู่เสม�?คุณก็ต้องทำอยู่เสม�?เพื่อไม่ให้อันดับตก
• ไม่สามารถเปลี่ยนหน้า Landing Page ได้บ่อยในการทำ SEO

ข้อดีของ SEM

• โฆษณาแสดงผลในอันดับต้น �?ทันทีในระยะเวล�?24 ชั่วโม�?หลังการซื้อโฆษณา
• ใช้ทีมงานน้อยกว่�?เพียงแค�?Optimize ระบบโฆษณาและหน้า Landing Page เท่านั้�?/li>
• กำหนดวันและเวลาในการแสดงผลได�?/li>
• สามารถกำหนดกลุ่มเป้าหมายในการแสดงผลได้เจาะจงกว่�?ทั้ง เพศ อายุ จังหวั�?/li>
• สามารถเปิ�?ปิดโฆษณาเมื่อไรก็ได�?/li>
• เลือกใช้คีย์เวิร์ดได้เยอ�?และสามารถรวบรว�?Insight ได้ในระยะเวลาสั้�?�?nbsp;

ข้อเสียของ SEM

• SEM ต้องมีงบประมาณในการทำการตลาดที่ค่อนข้างสูง และหากหยุดจ่ายเงิ�?อันดับจะตกทันท�?/li>
• เสียค่าโฆษณาตามจำนวนคลิ�?/li>
• Paid Traffic หากอยากได้ Traffic เยอ�?�?ต้องเพิ่มงบการตลาดมากขึ้นกว่าเดิ�?/li>
• หากทำเองโดยไม่มีความเชี่ยวชาญ หรือทำกา�?Optimize แบบผิด �?อาจเสียเงินโดยเปล่าประโยชน์ได�?/li>
• ระบบโฆษณาเป็นแบบ Bidding หากคู่แข่งทำกา�?Bidding ในราคาที่สูงขึ้น อันดับในการโฆษณาของเราอาจตกลงได้ทันท�?/li>
• เมื่อยกเลิกการโฆษณ�?หรืองบการตลาดหมด เว็บไซต์จะไม่แสดงผลในอันดับหน้าแร�?/li>
• หากงบโฆษณาหรือกา�?Bidding ของคุณต่ำเกินไ�?โฆษณาอาจไม่มีการแสดงผลในทุกครั้งที่กลุ่มเป้าหมายทำการค้นห�?/li>

ดังนั้นในการเลือกว่าจะท�?SEO หรือ SEM อาจต้องดูด้วยว่าธุรกิจเราดำเนินมาถึงเฟสไหนแล้�?หรือเป้าหมายในการทำการตลาดในช่วงเวลานั้นคืออะไร หากคุณเพิ่งเริ่มธุรกิจ เป็นเว็บไซต์ใหม�?หรือกำลังเปิดตัวสินค้าใหม่ที่ยังไม่มีใครรู้จัก การท�?SEO แล�?SEM ควบคู่กันไปเลยอาจได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า เพราะอย่างที่บอกไปว่าการท�?SEO จะใช้เวลาเยอะกว่�?บางครั้ง 6-12 เดือนหรืออาจมากกว่านั้น กว่าที่เว็บไซต์จะไต่อันดับขึ้นมาได�?หากไม่อยากรอนา�?หรืออยากสร้า�?Awareness แบบเร็�?�?การท�?SEM จะช่วยตอบโจทย์เป้าหมายของคุณมากกว่า (แต่ในระหว่างนั้นก็ควรท�?SEO ควบคู่ไปด้วย)

การทำการตลาด SEM สำคัญอย่างไร

ปัจจุบัน Google คื�?Search Engine อันดับ 1 และมีอิทธิพลมากที่สุดในโลก อ้างอิงจากการที่มีคนกดค้นหากว่�?8.5 พันล้านต่อวั�?ซึ่งหากคุณทำการตลา�?SEM ก็จะยิ่งช่วยเพิ่มการเข้าถึงให้เว็บไซต์ธุรกิจของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้สร้างยอดขายทางออนไลน์ผ่านทางเว็บไซต์ได้มากขึ้�?เพราะเว็บไซต์เปรียบเสมือนเป็นหน้าร้านที่เปิ�?24 ชั่วโม�?ไม่มีวันหยุด สามารถทำหน้าที่แทนมนุษย์ได้เกือบสมบูรณ�?100% จึงทำให้ไม่พลาดโอกาสในการปิดการขายกับลูกค้าได้ในที่สุด

ข้อควรรู้ก่อนเริ่มต้นท�?SEM

ก่อนเริ่มต้นท�?SEM พื้นฐานสำคัญที่คุณควรรู้ เช่�?การท�?Keyword Research แล�?การดูจำนวน Keyword Volume ถ้าหากรู้เรื่องพื้��ฐานเหล่านี�?คุณจะสามารถทำได้ทั้ง SEM แล�?SEO แบบสบ����?�?เลย 

เพราะ Keyword ถือว่ามีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง โด�?Keyword เป็นตัวกลางที่พากลุ่มเป้าหมายหรือคนที่ต้องการหาคำตอบบางอย่างมาหาธุรกิจของเราได�?นอกจากนี�?การเลือกใช�?Keyword ที่ด�?และถูกต้อง ก็จะช่วยลดงบประมาณในการท�?SEM ได้อีกด้วย

ขั้นตอนการทำการตลา�?SEM

ในการทำการตลาด SEM ไม่ว่าจะเป็�?SEO หรือ Paid Search นั้นขั้นตอนไม่ซับซ้อนเลย โดยเราจะอธิบายคร่า�?�?ดังนี้

1. ตั้งเป้าหมายก่อนท�?SEM

ให้คุณตั้งเป้าหมายก่อนท�?SEM เช่�?การเพิ่ม Traffic บนเว็บไซต�? หา Lead ให้ธุรกิจเพิ่มขึ้น, เพิ่มยอดขาย หรือเป้าหมายอื่�?�?เพราะการมีเป้าหมายที่ชัดเจนจะช่วยให้เราวางกลยุทธ์ในการท�?SEM ต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ

2. ทำ Keyword Research

การท�?Keyword Research จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำทั้ง SEO แล�?Paid Search ให้ดียิ่งขึ้�?เพราะเราจะรู้เลยว่�?Keyword คำนั้นจะสามารถต่อสู้กับคู่แข่งได้หรือไม่ ทั้งจำนว�?Search Volume, ความยา�?ง่ายในการทำอันดั�? ดูคู่แข่งในอุตสาหกรรมเดียวกันกับเราว่ามีใครบ้าง โดยการทำ Keyword Research สามารถใช้เครื่องมื�?SEO Tools เข้ามาช่วยได้ เช่�?Google Keyword Planner, Ubersuggest, SEMRush และอื่�?�?/p>

3. ปรับปรุงคุณภาพเว็บไซต�?/h3> แม้จะมีกลยุทธ์การท�?SEM ที่ดีแล้�?แต่พอกลุ่มเป้าหมายของคุณกดเข้ามายังเว็บไซต์ของคุณแล้วพบว่า เว็บไซต์ของคุณใช้งานยาก, มี UX/UI ที่ไม่ดี, โหลดช้�? ไม่มีความปลอดภัย หรือไม่สามารถรองรับสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตได้ สุดท้ายคุณอาจไม่สามารถเปลี่ยน Traffic ให้กลายเป็�?Conversion ได�?ซึ่งทำให้การที่ทุ่มเทท�?SEM มาทั้งหมดเป็นการสูญเปล่าได�?เพราะฉะนั้นการตรวจสอบคุณภาพเว็บไซต์ให้ดีก่อนนำมาทำ SEM จะช่วยทำให้บรรลุเป้าหมายได้

วิธีการวัดผลลัพธ์การทำ SEM

สำหรับวิธีการวัดผลลัพธ์การทำ SEM ในปัจจุบัน คื�?การใช้ Looker Studio ในการท�?Dashboard ด้วยการดึงข้อมูล KPIs ที่สนใจต่า�?�?จา�?Google Ads, Google Analytics 4 หรือ Google Search Console ออกมาท�?Data Visualization เพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้�?เห็นภาพตรงกัน และรวมอยู่ในที่เดียว

KPIs สำหรับการท�?SEM

KPIs หรือตัวชี้วัดความสำเร็�?สำหรับการท�?SEM มีมากมาย แต่ขอยกตัวอย่า�?Metric ที่เด่�?�?เช่�?/p>

• Traffic �?Metric ที่ใช้วัดอัตราการเข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์ของกลุ่มเป้าหมา�?ยิ่งมีเยอ�?แสดงว่าการทำ SEM มีประสิทธิภาพมากพอที่จะดึงดูดคนเข้ามาบนเว็บไซต์ได้

• Impression �?Metric สำหรับการแสดงผลโฆษณาหรือการที่กลุ่มเป้าหมายจะมองเห็นโฆษณา โด�?1,000 Impression คื�?การเห็นโฆษณาจำนว�?1,000 ครั้�?แต่ก็ไม่ได้การันตีว่ากลุ่มเป้าหมายจะดูโฆษณาของคุณจริง �?(อาจเลื่อนผ่านไปเฉย�?ก็ได�?

• CTR (Click-through Rate) �?ถือว่าเป็�?Metric ที่เหมาะสมในการวัดเรื่อ�?Consideration เพราะถ้าหากเรานำเสนอโฆษณาที่น่าสนใจ ตรงกลุ่มเป้าหมา�?จนทำให้พวกเขากดเข้าไปดูข้อมูลเพิ่มเติมบนเว็บไซต์ของเราได�?เราก็สามารถอ้างอิงได้ว่าเขามี Consideration บางอย่างเกิดขึ้นกับเราแล้ว ยิ่งจำนว�?CTR สู�?ก็ยิ่งดี

• Conversion �?เป็�?Metric ที่ชี้วัดการเปลี่ยนแปลงไปสู่ผลลัพธ์ที่ต้องการ เช่�?จำนวนคำสั่งซื้�? จำนวนครั้ง App Install, จำนว�?Lead ที่ได้รั�?(ธุรกิจไหนที่ทำ E-Commerce SEO ตั�?KPI นี้ถือว่าสำคัญที่สุด)

ทั้งนี้การเลือกใช�?KPIs ต้องดูด้วยว่าในการทำ SEM ของเรานั้นมี Goal เป็นอะไ�?เช่�?ถ้าต้องการเพิ่ม Consideration สินค้าที่ออกใหม่ ให้ใช้ CTR, ถ้าต้องการเพิ่มยอ�?App Install ให้ใช้ Conversion (App Install) หรือต้องการเพิ่ม Awareness เกี่ยวกับ Holiday Sale ที่กำลังจะมาถึ�?ให้ใช้ Impression เป็นต้น

รวมทุกสิ่งที่คุณต้องรู้เกี่ยวกับ SEM (Search Engine Marketing) คร�?จบ ในที่เ��ียว appeared first on urtarrilak12.com.

]]> //urtarrilak12.com/google-my-business/ Fri, 23 Feb 2024 03:20:27 +0000 //urtarrilak12.com/?p=40028 The post รู้จัก Google My Business เครื่องมือที่ทำให้ร้านค้าของคุณปรากฏ����?Google Maps appeared first on urtarrilak12.com.

]]> Google My Business คือเครื่องมือฟรีจา�?Google ที่ช่วยให้ธุรกิจของคุณปรากฏบ�?Google Search แล�?Google Maps เปรียบเสมือนหน้าร้านออนไลน์ที่ช่วยให้ลูกค้าค้นหาร้านของคุณเจอ ช่วยโปรโมทธุรกิจ เพิ่มการเข้าถึงจากลูกค้าได้มากขึ้�?ซึ่งการท�?Google My Business นั้นถือว่าสำคัญกับร้านค้าในปัจจุบันอย่างมากเพราะผู้คนต่างใช้สมาร์ทโฟนค้นหาข้อมูลและติดต่อสื่อสาร ธุรกิจของคุณจึงจำเป็นต้องปรับตัวเข้าสู่โลกออนไลน์เพื่อเข้าถึงลูกค้า

ในบทความนี้เราเลยขอมาอธิบายว่�?Google My Business คืออะไ�? พร้อมสอนวิธีติดตั้�?Google My Business แบ�?Step By Step อ่านจบ ทำเป็นแน่นอ�?/p>

Local SEO ที่ทุกธุรกิจควรต้องท�?เพื่อช่วยให้ลูกค้าค้นหาร้านของคุณเจอได้ง่ายขึ้�?เพราะข้อมูลธุรกิจของคุณไม่ว่าจะเป็�?ชื่อร้าน เบอร์โทรศัพท์ โลเคชัน เว็บไซต�?ฯล�?จะปรากฏบ�?Google Search บนหน้า SERP แล�?Google Maps ที่สามารถนำทางและดึงดูดลูกค้าใหม่ให้เข้ามาเยี่ยมชมหน้าร้านหรือเ��็บไซต์ได้มากขึ้นนั่นเอง

วิธีการติดตั้ง Google My Business ทำอย่างไ�??

วิธีการติดตั้ง Google My Business ฟร�?นั้นทุกคนสามารถทำตามได้ง่า�?�?ไม่วุ่นวาย ใช้เพียงแค�?6 ขั้นตอนดังนี�?/p>

1. ไปที่เว็บไซต�?Google My Business

อันดับแรกให้คุณเข้าไปที่ เว็บไซต�?Google My Business เพื่อเริ่มทำการติดตั้ง Google My Business เข้าสู่ระบบ //www.google.com/business 

3. กรอกข้อมูลต่าง �?ของธุรกิจให้ครบถ้ว�?/h3> กรอกชื่อธุรกิจของคุณในช่อง “ค้นหาธุรกิจของคุ�?#8221; จากนั้นกดเลือกประเภทธุรกิจของคุณจากรายการที่แสดงขึ้นมา แล้วทำการกรอกข้อมูลที่ทา�?Google ต้องการให้ครบถ้วนเช่�?ชื่อร้าน เบอร์โทรศัพท์ โลเคชัน เว็บไซต�?รูปภาพที่ต้องการ (อาจจะเป็�?เมนูอาหาร เมนูเครื่องดื่ม หรือราคาของสินค้�?ฯล�?

6. เริ่มต้นใช้งา�?Google My Business ได้เลย!

เพียงเท่านี้การติดตั้ง Google My Business ก็เสร็จเรียบร้อย โดยคุณสามารถเข้าไปยัง Google และเสิร์ชค้นหาธุรกิจของคุณบน Google Search แล�?Google Maps ได้ทันที เพื่อตรวจสอบว่าข้อมูลธุรกิจของคุณแสดงผลอย่างถูกต้องหรือไม�?นอกจากนั้นเมื่อติดตั้�?Google My Business ให้กับธุรกิจของคุณแล้ว ยังสามารถโปรโมทธุรกิจของคุณไปยังแพลตฟอร์มต่า�?�?ได้ด้ว�?เช่นการแชร์ลิงก�?Google My Business ของคุณบนโซเชียลมีเดี�?เว็บไซต�?และสื่อออนไลน์อื่น �?ที่คุณต้องกา�?/p>

วิธีการตั้งค่า Google My Business ให้รองรั�?SEO 

สำหรับการตั้งค่า Google My Business ให้รองรั�?SEO นั้นก็สามารถทำได�?และเราแนะนำว่าเป็นสิ่งทีุ่คณควรต้องทำด้วย เพราะการตั้งค่า Google My Business ให้รองรั�?SEO จะสาม���รถช่วยให�?Google เข้าใจธุรกิจของคุณมากขึ้น ดึงดูดลูกค้าที่ค้นหาคำหลักที่เกี่ยวข้องมาเจอกับหน้าร้านของคุณได้ง่ายขึ้น

โดยวิธีการตั้งค่�?Google My Business ให้รองรั�?SEO นั้นให้คุณลองทำตามขั้นตอนดังต่อไปนี้

1. กรอกข้อมูลธุรกิจให้ครบถ้วน

สิ่งสำคัญที่สุดของการตั้งค่า Google My Business ให้รองรั�?SEO คือการระบุข้อมูลของธุรกิจให้ครบถ้วนที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อให�?Google Algorithm สามารถเรียนรู้ได้ว่�?ธุรกิจของคุณนั้นเป็นธุรกิจอะไ�?/p>

• ชื่อธุรกิจ: ใช้ชื่อที่ตรงกับชื่อจริงของธุรกิ�?/li>
• ประเภทธุรกิจ: เลือกประเภทที่ตรงกับธุรกิจของคุณมากที่สุด
• คำอธิบายธุรกิจ: เขียนคำอธิบายที่ชัดเจน กระชับ เกี่ยวกับธุรกิจของคุณ สินค้า บริการ
• ข้อมูลติดต่อ: ใส่เบอร์โท�?เว็บไซต�?ที่อยู�?เบอร์โท�?เวลาทำการ
• รูปภาพและวิดีโ�?: อัปโหลดรูปหน้าร้าน รูปสินค้�?รูปเมนูอาหาร ฯล�?/li>

2. ใส�?Keyword ที่เกี่ยวข้องลงไปในชื่อร้า�?หรือ Description ที่อธิบายธุรกิจของคุ�?/h3> ใส�?Keyword ที่ลูกค้าใช้ค้นหาธุรกิจของคุณในชื่อธุรกิ�?ประเภทธุรกิจ คำอธิบาย สินค้า บริการ ใช้เครื่องมื�?Keyword Planner ขอ�?Google หรือ SEO Tools ตัวอื่�?�?ในการค้นหา Keyword ที่มีคนค้นหาบ่อย เช่�?หากธุรกิจของคุณเป็นร้านซ่อมมือถื�?ชื่อร้านว่�?ABC Mobile ในการตั้งชื่อร้านให้รองรับ SEO นั้น ก็ควรปรับชื่อร้านที่ใส่ไปใ�?Google My Business ว่�?‘ร้านซ่อมมือถื�?ABC Mobile�?จะช่วยให้คนที่ค้นห�?สามารถเจอและรับรู้ได้ว่าธุรกิจของคุณนั้นมีสินค้�?บริการอะไร

3. เพิ่มโลเคชันหรือทำเลของร้านลงไปด้วย

การเพิ่มโลเคชั่นหรือทำเลที่ตั้งของร้านคุณลงไปในการตั้งค่า Google My Business ก็เป็นเรื่องที่สำคั�?เพราะจะช่วยลูกค้าที่ค้นหาธุรกิจในบริเวณใกล้เคียงจะเห็นร้านของคุณบ�?Google Maps ซึ่งช่วยให้เข้าถึงลูกค้าเป้าหมายในพื้นที่ของคุณได้ง่ายกว่าเดิ�?ทำให้ร้านมีรายได้เพิ่มมากขึ้�?(เพราะถูกค้นหาเจอบน Google ได้ง่ายขึ้�? เช่�?ร้านซ่อมมือถือ ABC Mobile อยู่แถวลาดพร้า�?ก็ควรตั้งชื่อร้านบ�?Google My Business ว่�?ร้านซ่อมมือถือลาดพร้าว ABC Mobile เป็นต้น 

ฟังก์ชั่นที่ใช้ได้ขอ�?Google My Business

ถึงตรงนี้เราขอแนะน�?3 ฟีเจอร์บน Google My Business ที่คุณควรต้องลองใช้งานและใส่ข้อมูลให้ครบถ้วนที่สุด เพราะเป็�?3 ฟีเจอร์สำคัญที่มีผลต่อการทำ SEO ให้ร้านค้า ธุรกิจของคุณโดยตรง ได้แก่

1. Posts and Updates

ฟีเจอร์โพสต์และอัปเดต ช่วยให้คุณสามารถแชร์ข้อมูลต่าง�?เกี่ยวกับธุรกิจของคุณ เช่�?/p>

• โปรโมชั่�?/li>
• กิจกรร�?/li>
• ข่าวสา�?/li>
• บทความ
• สินค้าใหม่
• บริการใหม่

โดยฝั่งธุรกิจสามารถใส่รูปภาพ วิดีโอ ลิงก�?เพื่อเพิ่มความน่าสนใ�?ช่วยให้ลูกค้าติดตามข่าวสาร เกี่ยวกับธุรกิจของคุณ ทั้งยังช่วยดึงดูดลูกค้าใหม�?และรักษาฐานลูกค้าเก่าได้ด้วย

2. Q&A Section

เป็นฟีเจอร์ถามตอบ ช่วยให้ลูกค้าสามารถถามคำถามเกี่ยวกับร้านค้าของคุ�?หรือดูคำถามที่พบบ่อยของธุรกิจคุณเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการตัดสินใจว่าจะเข้ามาใช้บริการหรือไม�?ซึ่งตัวอย่างของการตั้งคำถา�?คำตอบของ Q&A Section ที่เราแนะนำมีดังนี�?br> 

• สินค้า : มีอะไรขายบ้า�? ราคาเท่าไ�? ขายเยอะไหม ฯล�?/li>
• บริการ : มีบริการอะไรบ้าง, ราคาเท่าไ�? กฏของการใช้บริการมีอะไรบ้า�?ฯล�?/li>
• เวลาทำการ : เปิ�?ปิดกี่โม�? เปิดวันไหนบ้า�? วันไหนหยุดบ้าง ฯล�?/li>
• สถานที่ตั้�?: ร้านอยู่ที่ไหน, ถ้าไปด้วยรถสาธารณะ ไปยังไ�?ฯล�?/li>

ซึ่งฟีเจอร์นี้สามารถช่วยให้คุณสามารถตอบคำถา�?ของลูกค้าได้โดยตรง ช่วยให้ลูกค้าได้รับข้อมู�?ที่ถูกต้อง รวดเร็�?อีกทั้งยังเป็นการช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดี Service Mind ให้กับลูกค้าอย่างจริงใ�?/p>

3. Messaging Feature

เป็นฟีเจอร์ส่งข้อความ ช่วยให้ลูกค้าสามารถส่งข้อควา�?ถึงคุณโดยตรง ไม่ว่าจะเป็นการสอบถามข้อมูล

สั่งซื้อสินค้า หรือการทำการนัดหมายเพื่อขอดูสินค้า ฯล�?โดยข้อดีของฟีเจอร์นี้บ�?Google My Business คือช่วยให้คุณสามารถตอบข้อควา�?ของลูกค้าได้โดยตรง ช่วยให้สื่อสารกับลูกค้�?ได้สะดวก รวดเร็�?/p> ช่วยเพิ่มการบริการกับลูกค้าให้ครอบคลุมขึ้�?และสร้างความประทับใจตั้งแต่แรกเจอ

การวิเคราะห์และดูข้อมูลเชิงลึกขอ�?Google My Business

อีกหนึ่งฟีเจอร์ขอ�?Google My Business ที่น้อยคนจะรู้คือการวิเคราะห์และดูข้อมูลเชิงลึกขอ�?Google My Business ที่จะทำให้คุณรู้สถิติต่า�?�?ว่าในแต่ละเดือนมีคนกดเข้ามาที่ Google My Business ของคุณกี่ค�?และกดมาทำอะไรบ้า�?nbsp; โดยวิธีการดูข้อมูลเชิงลึกขอ�?Google My Business นั้นง่ายมา�?�?แค่เข้าไปที่ Google แล้วพิมพ์ชื่อร้านของคุณเอง (ต้องใช้อีเมลที่สมัคร Google Account ไว้ด้วยน�? จากนั้นเมื่อกดค้นห�?ตรงล่างช่องเสิร์ชระบบจะขึ้นคำว่า Your Business On Google และจะขึ้นตัวเลขของคนที่กดเข้ามาด�?Google My Business ของคุณทั้งหมดในเดือนนั้น �?( xxx Views This Month)

จากนั้นให้กดเข้าไปตรงจำนวนเลขนั้น ระบบจะขึ้นข้อมูลหลังบ้านทั้งหมดของ Google My Business ซึ่งคุณสามารถดูได้เลยว่าในแต่ละเดือน (กำหนดช่วงระยะเวลาเองได�? มีคนกดเข้ามาด�?Google My Business ของคุณกี่ค�?กดโทรศัพท์มากี่ค�?กด Message เข้ามากี่ครั้�?ไปจนถึงการวัดผลว่ามีคนกดเข้าลิงก์เว็บไซต์ของคุณผ่า�?Google My Business กี่คลิ�?/p>

หรืออีกวิธีหนึ่งในการวิเคราะห์และดูข้อมูลเชิงลึกขอ�?Google My Business ที่ทำได้ คือการเข้าผ่า�?Google My Business เลย จากนั้นกดไปที่แถ�?Insights ซ้ายมื�?ก็สามารถดูสถิติในลักษณะของ Dashboard Chart ได้ทันที (อันนี้ดูง่ายกว่าแบบแรก)

ประโยชน์ขอ�?Google My Business มีอะไรบ้าง ? 

ประโยชน์ขอ�?Google My Business นั้นเรียกว่�?มีประโยชน์มา�?�?สำหรับทุกธุรกิ�?โดยเฉพาะธุรกิจขนาดกลาง – เล็�?(SMEs) เช่�?ร้านอาหา�?ร้านกาแฟ คาเฟ่ ร้านนว�?ร้านซ่อมคอ�?ฯล�?จะยิ่งได้ประโยชน์มาก �?เพราะนอกจาก ข้อมูลธุรกิจของคุณจะปรากฏบ�?Google Search แล�?Google Maps ยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการโฆษณา ยิงแอด ได้เยอ�?เพราะวิธีการตั้งค่า Google My Business ให้คนหาเจอได้ง่า�?ไม่จำเป็นต้องใช้งบประมาณอะไรเลย ทำได้ฟรี �?ขอเพียงแค่มีการตั้งค่�?Google My Business ที่ถูกต้องตามหลั�?SEO แบบที่เราได้อธิบายไปในข้างต้น  และนอกจากนั้�?ประโยชน์ขอ�?Google My Business ยังมีอีกเยอะมาก �?ที่จะเข้ามาช่วยสร้างยอดขายให้ธุรกิจของคุ�?ดังนี้

• เพิ่มโอกาสในการค้นหาเจอได้ง่ายขึ้�? ลูกค้าค้นหาร้านของคุณบ�?Google Search แล�?Google Maps ได้ง่ายขึ้�?/li>
• เพิ่มความน่าเชื่อถือให้ธุรกิจของคุณ: เพราะบน Google My Business มีการแสดงโลเคชั่นบ�?Google Maps สร้างความมั่นใจว่าธุรกิจของคุณมีอยู่จริง
• ดึงดูดลูกค้าในพื้นที�? ลูกค้าค้นหาธุรกิจในบริเวณใกล้เคียง พบกับร้านของคุณบ�?Google Maps
• วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกได�? เข้าใจพฤติกรรมของลูกค้าจากข้อมูลสถิติขอ�?Google My Business
• โปรโมทธุรกิจได้ง่า�? ใส่ข้อมูลติดต่�?เว็บไซต�?โปรโมชั่�?บน Google My Business
• เป็นอีกช่องทางในการสื่อสารกับลูกค้า: ตอบคำถามลูกค้า โพสต์อัปเดต และส่งข้อความผ่า�?Google My Business
• ประหยัดค่าใช้จ่า�? เครื่องมือฟรี ช่วยให้ธุรกิจประหยัดค่าโฆษณา
• ช่วยเพิ่มยอดขายและขยายโอกาสทางธุรกิ�? เข้าถึงลูกค้าใหม่ เพิ่มโอกาสในการขา�?และยังช่วยเพิ่มโอกาสเติบโตให้ธุรกิจได�?/li>

สรุป Google My Business 

สรุปแล้ว Google My Business นั้นถ้าจะบอกว่าเป็นอีกเครื่องมือทรงพลังที่ช่วยให้ธุรกิจของคุณเติบโตได้ก็คงไม่ผิดอะไรเลย อีกทั้งการเริ่มทำ Google My Business ตั้งแต่วันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีการทำ SEO ให้กับธุรกิจของคุณ ที่ช่วยสร้างประโยชน์ให้ธุรกิจได้จริง ไม่ว่าจะเป็นการช่วยดึงดูดลูกค้า เพิ่มโอกาสในการขา�?และสร้างความสำเร็จบนโลกออนไลน์ให้ธุรกิจของคุณเติบโตได้

The post รู้จั��� Google My Business เครื่องมือที่ทำให้ร้านค้าของคุณปรากฏบ�?Google Maps appeared first on urtarrilak12.com.

]]>