1/ 5 | Lookalike Audience คืออะไร ?
lookalike audience หลักการของมันคือ การหา Audience (กลุ่มเป้าหมาย) ที่มีลักษณะคล้ายๆกันโดยปัจจัยจะขึ้นอยู่กับหัวเชื้อที่เราใส่เข้าไป โดยระบบ Facebook จะไปช่วยหาคนที่คล้ายๆกับหัวเชื้อมาให้เรา เพราะฉะนั้นถ้าหัวเชื้อดีผลลัพธ์ก็ดี หัวเชื้อไม่ดีผลลัพธ์ก็จะไม่ดีตามไปด้วย คนส่วนใหญ่ที่ใช้ Lookalike ไม่ดีหรือไม่ได้ผลนั่นก็เพราะว่าหัวเชื้อไม่ดี
2/5 | หลักการทำงานของ Lookalike Audience
เปรียบเทียบการทำงาน Lookalike Audience ของ Facebook ง่ายๆเลยคือ สมมุติว่าเรามีเพื่อนอยู่ชื่อไอ้หนอนมันชอบซื้อเสื้อผ้าใน Shopee มากๆ ทีนี้เราต้องการหาคนที่มีพฤติกรรมคล้ายๆไอ้หนอนเพื่อนของเราอีกเยอะๆ
ซึ่ง Facebook ก็จะไปหากลุ่มคนเหล่านั้นให้เรา โดยจะดูหลายๆปัจจัยมาประกอบกันเพื่อหาคนที่คล้ายๆไอ้หนอนมาให้เรา
ซึ่งเราสามารถเลือกได้ว่าอยากให้เหมือนไอ้หนอน มากน้อยแค่ไหนตาม % ความคล้ายคลึง ยิ่ง % สูงความคล้ายคลึงก็จะลดลงไปเรื่อยๆ แต่จะถูกแทนที่ด้วยจำนวนที่ใหญ่ขึ้น
แล้วจะใช้ Lookalike Audience กี่ % ดี อยู่ในหัวข้อถัดไปครับ
เช่น ถ้าผู้ใช้ Facebook ในเมืองไทยมี 50 ล้านคน เมื่อเราทำ Lookalike 1% เราก็จะได้ Audience จำนวน 500,000 คน
3/5 | ใช้ Lookalike Audience แบบไหนดีที่สุด และทำอย่างไรให้โฆษณาได้ครอบคลุมที่สุด
– ใช้ Lookalike Audience แบบไหนดีที่สุด
คำถามที่หลายคนมักจะตั้งข้อสงสัยเลยก็คือใช้หัวเชื้อแบบไหนทำ Lookalike Audience ดี ถ้าถามผม ตามทฤษฎีจริงๆก็คือเอาคนที่ซื้อสินค้ามาทำ Lookalike Audience ครับ เช่น Facebook Pixel สำหรับคนสั่งซื้อสินค้าเสร็จเรียบร้อย
แต่ถ้าเราไม่สามารถ Track ไปถึงขึ้นนั้นได้ละ เราจะทำอย่างไรดี ผมมี 2 แนวทางให้ไปทดลองกันครับ
- ใช้หัวเชื้อหลายตัวในการทำ Lookalike 1% หลายตัว เช่น
– คนที่ดู Video 95%
– คนที่อยู่เว็บไซด์หน้า … นาน (Visitors by time spent)
– คนที่ Add To Cart - ใช้หัวเชื้อที่ดีสุดคือ list รายชื่อลูกค้า / Pixel หน้าสั่งซื้อสำเร็จ แล้วใช้ Lookalike ทั้งหมดตั้งแต่ 1%-10%
สำหรับแนวทางที่ผมเลือกใช้ทั้ง 2 แบบผมใช้แตกต่างกันคือ
แบบที่ 1 : ผมจะใช้หาคนที่อยู่ใน Funnel บนๆ เช่น ต้องการโฆษณาหาคนที่มีโอกาสดู Video จบหรือดูเยอะๆ ผมก็จะใช้ Lookalike Video 95% เพื่อหากลุ่มคนเหล่านั้น เพราะผมให้ Facebook ไปหา Audience ที่มีโอกาสดู Video เยอะๆแล้ว โดยใช้ Lookalike Video 95% เป็นหัวเชื้อ
แบบที่ 2 : บางธุรกิจเป็นสินค้าที่สามารถตัดสินใจซื้อง่าย เราก็ไม่จำเป็นจะต้องทำ Content เพื่อบิ้วความต้องการแล้วค่อยขาย เพราะว่าสามารถทำ Content ขายได้เลยเพียงแค่เขียน ดีๆก็สามารถขายได้แล้ว
ผมก็จะใช้ Lookalike ที่มาจากหัวเชื้อ Funnel ล่างๆเลยคือ Purchase Order, Offline Conversion มาใช้เลย โดยเลือกใช้ Lookalike หลายๆ % เพื่อให้สามารถโฆษณาได้กว้างขึ้น
จริงๆทั้ง 2 แนวทางนี้ผมไม่สามารถบอกได้ว่าแบบไหนดีที่สุดนะครับ “จำเป็นที่จะต้องไปทดสอบและวัดผลเท่านั้น”
บทความแนะนำ : คู่มือ Facebook Pixel แบบละเอียดยิบ!! พร้อมวิธีติดตั้งและวัดผล
– วิธีใช้ Lookalike Audience แบบใดให้ครอบคลุมที่สุด
ผมเชื่อว่าหลายคน ถ้าพึ่งเริ่มใช้ Lookalike Audience จะเริ่มจากใช้ตัวเดียวคือ 1% แต่อย่าลืมว่ายิ่ง % เยอะความคล้ายคลึงของ Audience ก็จะน้อยลง แต่ทดแทนมาด้วย Audience Size ที่เพิ่มขึ้น
ผมอยากถามว่าถ้าหัวเชื้อที่เราใส่มันดีจริงๆ เช่น เอา list รายชื่อลูกค้ามาใส่เลย แน่นอนอยู่แล้วว่า Lookalike 1% ต้องเป็น Audience ที่ดีที่สุด แล้วเราจะทิ้ง 2%-10% เลยหรอ!
คงไม่อยากทิ้งใช่ไหมครับ มันมีวิธีการใช้ Lookalike Audience ที่ครบทั้ง 10% ครับ โดยเทคนิคนี้ผมขอยกเครดิตให้ อธิบายไว้ค่อนข้างละเอียดเลยครับ
วิธีคือ การเอาปริมาณมาทดแทนคุณภาพ วิธีการสร้าง Lookalike Audience อย่างไรให้ครอบคลุมทั้ง 10% คือ