1. ขายของ 1 รายการมีรายได้และค่าใช้จ่ายอะไรเกิดขึ้นบ้าง
ก่อนที่เราจะไปเข้าใจวิธีการเสียภาษีของแม่ค้าออนไลน์ อยากชวนทุกคนมาย้อนคิดถึงรายการค้าที่เกี่ยวข้องกับการขายของ 1 ชิ้นว่ามีรายการอะไรเกิดขึ้นบ้าง ถ้าเราลองนั่งคิดดีๆ จะพบว่า การขายของได้ 1 ชิ้น มีรายได้และค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นหลายประเภท ตามนี้ค่ะ ข้อดีของการทำความเข้าใจสิ่งเหล่านี้ ก็คือ เราจะรู้กำไรขั้นต้นของการขายสินค้าแต่ละชิ้นได้ไม่ยากเลย มีเจ้าของร้านออนไลน์หลายคนที่ขายของดีแทบตาย แต่สุดท้ายไม่มีกำไร เพียงเพราะว่าลืมคิดไปค่ะว่าทั้งแพลตฟอร์ม Shopee และ Lazada เองก็มีค่าใช้จ่ายต่างๆ และค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บแม่ค้าด้วยเช่นกัน เอาล่ะ ทีนี้ถ้าใครขี้เกียจจะมานั่งจดบันทึกว่าแต่ละรายการขายนั้นยอดรายได้-ค่าใช้จ่ายเป็นเท่าไร Flowaccount ช่วยคุณได้ด้วยการเชื่อมต่อกับระบบ Shopee, Lazada เพื่อบันทึกบัญชีเปิดบิลขาย และตัดสต็อกแบบอัตโนมัติเลยค่ะ2. รายการขายของออนไลน์ที่เกี่ยวข้องกับ VAT
เข้าใจรายได้ ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการขายของออนไลน์กันไปแล้ว ถัดมาเป็นเรื่องที่ทุกคนกำลังกังวลอยู่ค่ะ ว่าการขายของออนไลน์นั้น เราต้องจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือ VAT อย่างไรภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) คือ ภาษีที่เก็บจากการขายสินค้าหรือการให้บริการ ซึ่งอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มในปัจจุบันเป็นอัตรา 7% โดยผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม มีหน้าที่เรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตรา 7% จากผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการ แล้วนำส่งให้แก่กรมสรรพากรค่ะ
ตัวชี้วัดง่ายๆ ว่าแม่ค้าอย่างเรา เป็นผู้ประกอบการที่ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มหรือไม่นั่น ให้เช็คที่ยอดรายได้ค่ะ หากรายได้ถึง 1.8 ล้านบาทต่อปี แน่นอนว่าเราต้องรีบไปจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มโดยทันที
ภาษีมูลค่าเพิ่ม แบ่งออกเป็น 2 ฝั่ง ได้แก่- ภาษีขาย = ภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% ที่เราเรียกเก็บจากลูกค้า ซึ่งต้องคิดรวมอยู่ในราคาขายและค่าขนส่งไว้เรียบร้อยแล้ว
- ภาษีซื้อ = ภาษีมูลค่าเพิ่มที่เราถูก Supplier หรือว่า Shopee, Lazada เรียกเก็บไป ในอัตรา 7% เช่นเดียวกัน สังเกตง่ายๆ จากใบกำกับภาษีที่เราได้รับมาค่ะ
วิธีนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่ม ให้คำนวณจาก ภาษีขาย – ภาษีซื้อ ยอดหักกลบกันแล้วได้เท่าไร ให้นำส่งภาษีมูลค่าเพิ่มแก่สรรพากรภายใน 15 วันของเดือนถัดไปได้เลย (ถ้ายื่นแบบออนไลน์นำส่งภายในวันที่ 23 ของเดือนถัดไป)
3. ขายของออนไลน์ต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายหรือไม่ (WHT)
ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย คือ ภาษีที่ผู้จ่ายมีหน้าที่หักจากเงินที่จ่ายให้แก่ผู้รับ อย่างเช่น Shopee, Lazada ค่ะ จากนั้นก็ให้นำส่งให้กับกรมสรรพากรให้เรียบร้อย ภายใน 7 วันของเดือนถัดไป (ถ้ายื่นแบบออนไลน์นำส่งภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป)
แต่ใช่ว่าทุกรายจ่ายจะต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายเสมอไปนะ เพราะกฎหมายกำหนดประเภทรายจ่ายที่ต้องหัก ณ ที่จ่ายเอาไว้ และอัตราการหัก ณ ที่จ่ายไว้เช่นกันค่ะ ตัวอย่างประเภทค่าใช้จ่ายใน Shopee, Lazada และอัตราการหัก ณ ที่จ่ายมีดังนี้ เมื่อหัก ณ ที่จ่ายเรียบร้อยแล้ว อย่าลืมออกหนังสือรับรองการหัก ณ ที่จ่ายไว้เป็นหลักฐานแก่ Shopee, Lazada ด้วยค่ะ